น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน และร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงาน รวม 2 ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลงทุน เพื่อเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program
สำหรับรูปแบบโครงการ Flexible Plus Program ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องลงทุนในประเทศไทยตามประเภทของการลงทุนที่กำหนดในมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี นับจากเข้าร่วมโครงการและให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถขอรับใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ในราชอาณาจักรได้ เพื่อให้สามารถรองรับกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีคุณภาพและกำลังซื้อสูง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง
โดยคนต่างด้าวที่ได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี สามารถขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราเป็นประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน (Non-Immigrant Visa) มีระยะเวลาคราวละ 5 ปี ตลอดระยะเวลาการลงทุนในโครงการ Flexible Plus Program
สำหรับการลงทุนของคนต่างด้าวที่จะได้รับสิทธิดังกล่าวจะลงทุนได้ใน 3 ประเภท คือ ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ตามสิทธิของชาวต่างชาติที่พึงได้รับ, ลงทุนในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด และลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นกู้ หรือหน่วยลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมกันไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าการให้สิทธิประโยชน์ตามโครงการนี้สอดคล้องกับแผนการดึงดูดกลุ่มประชากรที่มีความมั่งคั่งสูง ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program จำนวน 10,000 ราย จะทำให้มีเงินหมุนเวียนภายในประเทศจากการลงทุนประมาณ 300,000 ล้านบาท