นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มีบันทึกความตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการปฏิบัติงานป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษ โดยที่ผ่านมา กรมสรรพากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการประสานงาน และปฏิบัติงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรมสรรพากรมีคดีสำคัญที่ต้องร่วมดำเนินการ เช่น คดีฉ้อโกงภาษีด้วยการใช้ใบกำกับภาษีปลอม หรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือกรณีออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิจะออกตามกฎหมาย เป็นต้น
ทั้งนี้ กรมสรรพากรอยู่ระหว่างขับเคลื่อน 2 เรื่องสำคัญ คือ Digital Transformation และ Data Analytics ในการหารือ กรมสรรพากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นร่วมกันว่าเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการรวบรวมพยานหลักฐานให้มีความรวดเร็ว และลดขั้นตอนการปฏิบัติ รวมทั้งขยายขอบเขตความร่วมมือไปยังเรื่องอื่นๆ จึงได้กำหนดประเด็นสำคัญที่จะร่วมกันดำเนินการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานร่วมกัน ดังนี้
1. จัดให้มีการทำงานด้วยระบบ Data Analytics คือ การนำฐานข้อมูลด้านภาษีอากร มาวิเคราะห์แนวโน้ม และพฤติกรรมที่ส่อไปในการกระทำความผิดร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ
2. การสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ชั้นงานด้านการข่าว พัฒนาสู่การสืบสวน และการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่สำคัญเพื่อให้มีการปฏิบัติงานที่รวดเร็ว และลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
3. การฝึกอบรม และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับงานสรรพากร และการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งการเสริมทักษะเฉพาะด้านซึ่งกันและกัน เช่น การให้ความรู้เรื่องการตรวจติดตามทางบัญชี และการใช้เครื่องมือวิเคราะห์และสร้างความเชื่อมโยง (Notebook Analysis) ในการดำเนินการด้านภาษีอากร เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันว่าจะต้องมีการปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และจะมีการทบทวนบันทึกความตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการปฏิบัติงานป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษให้มีความทันสมัย และครอบคลุมความร่วมมือในทุกมิติต่อไป