นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) คาดว่า ในปีหน้าการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำมากระตุ้นเศรษฐกิจคงไม่ได้ผล และเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นมาที่ 3.5-3.7% จากผลกระทบราคาน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ค่าครองชีพปรับสูงขึ้น ประกอบกับการออกพันธบัตรของทางการเข้ามาเพิ่มขึ้นอีกจะทำให้ต้นทุนในการระดมทุนของเอกชนสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้เพิ่มขึ้นจากปีนี้ แต่ก็มีปัจจัยลบสำคัญที่ต้องระวัง คือ ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป รวมทั้งประเด็นทางด้านการเมืองในประเทศที่จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาภายหลังการเลือกตั้งปลายปีนี้
นายประสาร กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้ายังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้นมาที่ 87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงขึ้นจากประมาณการเดิมที่ธนาคารคาดไว้ที่ 77 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็จะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศสูงกว่า 31 บาท/ลิตร จะส่งแรงกดดันให้อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับคาดการณ์ 3.5-3.7% ได้
ดังนั้น ในปี 51 คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น จากทิศทางค่าครองชีพและอัตราเงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่เศรษฐกิจไทยยังจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งภาครัฐควรเร่งผลักดันการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุนเพื่อให้เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แทนการส่งออกที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในปีนี้และมีแนวโน้มชะลอตัวในปีหน้า ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
สำหรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบมาจากปัญหาซับไพร์มในสหรัฐที่ยังไม่หมดไป ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และนักลงทุนจะโยกเงินเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย อาจกดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้อีก
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--