นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เนื่องจากบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เอกชนคู่สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินในส่วนที่ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ อันเนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์โควิด 19 โดยขอรับมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ การขอขยายระยะเวลาการชำระค่าสิทธิโครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และกำหนดมาตรการเยียวยาอื่นๆ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนวิธีการชำระเงินร่วมลงทุนโครงการฯ และการขยายระยะเวลาโครงการฯ
โดยมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เมื่อ 19 ตุลาคม 2564 มอบหมายให้ รฟท.และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เพื่อให้การบริการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก จนเกิดผลกระทบต่อประชาชน
ผู้ว่าการ รฟท.กล่าวเพิ่มเติมว่า รฟท.มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องดำเนินการตามมติที่มีการมอบหมายการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามมติฯดังกล่าว โดยยึดหลักการและแนวทางที่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนเป็นสำคัญ ในขณะเดียวกันยังต้องคำนึงถึงการรักษาผลประโยชน์สูงสุดขององค์กร โดยให้มีผลกระทบต่อการรถไฟฯ น้อยที่สุด
รวมถึง การดำเนินการเพื่อให้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินนี้ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญระดับประเทศเดินหน้าต่อไปได้ อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในการก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ และเศรษฐกิจของภูมิภาคได้อย่างมั่นคงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นทำให้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดผลกระทบต่อประชาชนและมีผลกระทบต่อ รฟท.น้อยที่สุด ในขณะเดียวกัน โครงการฯ สามารถเดินหน้าต่อไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศได้
รฟท.จึงได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ร่วมกับทางบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เอกชนคู่สัญญา เป็นการบริหารสัญญาภายใต้ข้อกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาร่วมลงทุนเดิมเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับรถไฟในส่วนของแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และไม่กระทบบริการสาธารณะในช่วงที่ รฟท.และเอกชนคู่สัญญาอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน
MOU ดังกล่าวมีรายละเอียดอันเป็นหลักการในเบื้องต้น ดังนี้
- บันทึกข้อตกลงสิ้นสุดผลการใช้บังคับเมื่อครบ 3 เดือน นับจากวันที่ 24 ตุลาคม 2564
- รฟท.ยังไม่มอบสิทธิการดำเนินการโครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ให้แก่เอกชน และ รฟท.มีสิทธิรับรายได้ค่าโดยสารและรายได้จากการดำเนินกิจการเชิงพาณิชย์
- โดยระหว่างที่มีการพิจารณาเงื่อนไขของสัญญาอยู่นั้น จะให้เอกชนคู่สัญญาเข้ามาช่วยสนับสนุน รฟท.และบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด ในการดำเนินโครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ตามขอบเขตงานที่ได้รับมอบหมาย โดยเอกชนจะสนับสนุนบุคลากรและรับความเสี่ยงทั้งหมด โดย รฟท. บริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด และที่ปรึกษาของการรถไฟฯ จะกำกับดูแล ให้การดำเนินงานเป็นไปตาม KPI ที่บันทึกข้อตกลงฯ กำหนด รวมทั้ง เอกชนคู่สัญญาจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยเอกชนสามารถนำรายได้ค่าโดยสารไปชำระค่าใช้จ่ายได้ แต่หากมีกำไรต้องส่งคืนให้การรถไฟฯ หากรายได้ค่าโดยสารไม่เพียงพอชำระค่าใช้จ่ายในงานที่ได้มอบหมายให้ดำเนินการ เอกชนจะต้องเป็นผู้ชำระในส่วนที่เกิน
- เอกชนจะต้องทำประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับแอร์พอร์ต เรล ลิงก์
- เอกชนคู่สัญญาต้องชำระเงิน 10% ของค่าสิทธิในการบริหารตามสัญญาร่วมลงทุนฯ เป็นเงิน 1,067 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงฯ และสัญญาร่วมทุนฯ
- รฟท.มีสิทธิยึดถือหลักประกันจนกว่าจะมีการกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ และหากต้องคืนหลักประกัน การรถไฟฯ คืนโดยไม่มีดอกเบี้ย
- หากไม่แก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ ภายใน 3 เดือนนับจากวันที่ 24 ตุลาคม 2564 หรือที่ขยายเพิ่มเติม รฟท.มีสิทธิริบหลักประกันเพื่อนำมาชำระการไม่ปฏิบัติตามสัญญาร่วมลงทุนของเอกชน
ทั้งนี้ รฟท. ได้ดำเนินการตามมติของ กพอ.ในการเดินหน้าร่วมแก้ไขปัญหาการให้บริการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก ไม่เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ โดยยืนยันว่า การดำเนินการต่างๆ ยึดหลักการและแนวทางที่คำนึงถึงผลกระทบของประชาชนเป็นหลัก รวมทั้ง คำนึงถึงการรักษาผลประโยชน์ขององค์กรและประเทศชาติเป็นสำคัญ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินนี้ เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญระดับประเทศ การดำเนินการต่างๆนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและครอบคลุมในทุกมิติ โดยจะไม่มีการดำเนินการใดๆอันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่เอกชนโดยมิชอบอย่างเด็ดขาด