นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเรื่องราคาข้าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ถือว่าดีขึ้น เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้ราคาสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ และในครึ่งปีหลัง ตั้งแต่เดือน ก.ค. ตัวเลขการส่งออกดีขึ้นมีผู้ส่งออกข้าวมายื่นขอใบอนุญาตในการส่งออกมากขึ้น จากครึ่งปีแรกประมาณเดือนละ 4-5 แสนตัน ตอนนี้เป็นเดือนละ 7-8 แสนตัน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการระบายข้าว แต่เนื่องจากสต็อกข้าวยังมีมากพอสมควรจึงยังไม่มีผลทำให้ราคาข้าวดีขึ้นมาก
ขณะเดียวกันมีมาตรการคู่ขนาน ช่วยโรงสี สหกรณ์หรือเกษตรกร เก็บข้าวไว้ในช่วงที่ราคาไม่ค่อยดี โดยมีเงินชดเชยให้ตันละ 1,500 บาท เพื่อเก็บข้าวไว้ขายในยามที่ราคากระเตื้องขึ้น และหากราคาข้าวลดลงต่ำกว่ารายได้ที่ประกัน เช่น ข้าวหอมมะลิ ประกันรายได้ที่ตันละ 15,000 บาท หรือข้าวเปลือกเจ้า ต่ำกว่าตันละ 10,000 บาท ยังมีเงินส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ช่วยชดเชยให้ อย่างน้อยเกษตรกรก็มีหลักประกันว่าแม้ราคาจะลงไปถึงกิโลกรัมละ 6-7 บาท แต่อย่างน้อยข้าวเปลือกเจ้า ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 10 บาท ถ้าไม่ถึงจะมีเงินส่วนต่างให้ หรือข้าวหอมมะลิ ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ15 บาท
ซึ่งวันนี้จะมีการแจ้งรายละเอียดโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและจะได้ดำเนินการในฤดูกาลต่อไป และมาตรการที่จะช่วยในการเก็บข้าวไว้และไม่นำออกมาสู่ตลาดมากเกินไป แต่สำหรับเงินส่วนต่างที่จะได้รับต้องดูว่าความชื้นเท่าไหร่ หากความชื้นมากราคาจะตก ต้องเป็นราคาที่เป็นมาตรฐานความชื้นที่กำหนดไว้ที่ 15% หากสูงกว่านั้นจะตัดทอนตามเปอร์เซ็นต์ของความชื้น