สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาขายปลีกทอง (ทองคำ 96.5%) ในประเทศ เมื่อเวลา 09.29 น.ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้บาททองคำละ 200 โดยราคาทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 28,250.00 ขายออกบาททองคำละ 28,350.00 ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 27,742.80 ขายออกบาททองคำละ 28,850.00
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ร่วงลงจากระดับสูงสุดที่ 1.608% ในวันก่อนหน้า สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ 1.508% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงในรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. จากการที่ตลาด "ลด" การคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในหนึ่งวัน หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณดังกล่าวในการประชุมนโยบายการเงินรอบเดือนพ.ย. ส่งผลหนุนให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยดีดกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระยะ ทั้ง 21, 50, 100 และ 200 วัน ซึ่งสร้างมุมมองเชิงบวกในทางเทคนิคเพิ่มเติม
สถานการณ์ดังกล่าวผลักดันราคาทองทองคำพุ่งให้ขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,798.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน อย่างไรก็ดี เริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ประกอบกับราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่แข็งขึ้น 0.51% ขานรับการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ลดลงเกินคาดสู่ระดับ 269,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2020 และต่ำกว่า 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายสวนทางการคาดการณ์ของตลาดอีกด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกราคาทองคำเอาไว้ ด้านกองทุน SPDR ถือทองคำลดลง -2.66 ตัน
สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงานของสหรัฐ อาทิ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง และอัตราการว่างงานประจำเดือนต.ค.
หากราคาทองคำไม่สามารถกลับขึ้นยืนเหนือ 1,800-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มีแนวโน้มอ่อนตัวลงสู่บริเวณ 1,783-1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในโซนแนวรับ 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต้องจับตาแรงซื้อเก็งกำไรที่อาจเพิ่มสูงขึ้น โดยหากสามารถยืนได้ราคาอาจดีดตัวขึ้นทดสอบโซน แนวต้านอีกครั้ง
หากยังไม่สามารถผ่าน 1,800-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ แนะนำเปิดสถานะขายเพื่อลงทุนระยะสั้น (ตัดขาดทุนหากผ่าน 1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทยอยเข้าซื้อคืนเมื่อราคาอ่อนตัวลงไม่หลุด 1,783-1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่อยู่สามารถถือสถานะขายต่อ