นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เห็นชอบกำหนดหลักการส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการเหล็กขั้นต้น เพื่อให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้นคุณภาพสูงในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์
"อุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้นต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ภาครัฐจึงต้องสนับสนุนเรื่องสิทธิประโยชน์ และการสนับสนุนในเรื่องของระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น พื้นที่ตั้งโครงการ ท่าเรือน้ำลึก และแหล่งน้ำอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า จะต้องอยู่ร่วมกับชุมชนได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม" นายโฆสิตกล่าว
ด้านนายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการ บีโอไอ กล่าวถึงหลักการในการส่งเสริมการลงทุนว่า ต้องเป็นโครงการผลิตเหล็กขั้นต้นที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกขั้นตอนการผลิต, มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์, มีเทคโนโลยีและระบบความคุมจัดการมลภาวะต่างๆ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน รวมถึงมีผลผลิตเหล็กขั้นต้นไม่น้อยกว่า 2 ล้านตัน/ปี เพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) และมีต้นทุนการผลิตต่ำ
หากมีการลงทุนผลิตเหล็กขั้นต้นคุณภาพสูงในไทย จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว แก่อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี เครื่องจักรกล และบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตเหล็กคุณภาพสูงในภูมิภาคอาเซียนได้ เพราะมีข้อได้เปรียบในด้านการขนส่ง ระยะทาง และต้นทุนการผลิต เมื่อเทียบกับผู้ผลิตเหล็กในภูมิภาคเดียวกัน
โดยประเทศในอาเซียนยังต้องนำเข้าเหล็กคุณภาพสูงถึงปีละประมาณ 6.7 ล้านตัน หรือประมาณ 4,982 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนประเทศไทย ปัจจุบันมีความต้องการใช้เหล็กปีละประมาณ 12.5 ล้านตัน
ปัจจุบันยังไม่มีการผลิตเหล็กคุณภาพสูงในประเทศไทย ทำให้อุตสาหกรรมสำคัญๆ ต้องนำเข้าเหล็กคุณภาพสูงจากญี่ปุ่น และเกาหลี ปีละประมาณ 4.5 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท และคาดว่าความต้องการใช้เหล็กของประเทศไทยจะสูงถึง 25 ล้านตันในอีก 10 ปีข้างหน้า
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--