เมอร์ริล ลินช์ คาดการณ์ว่า ราคาที่อยู่อาศัยในฮ่องกงจะปรับตัวสูงขึ้น 50% ในสิ้นปี 2552 ซึ่งเป็นผลจากยอดการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลง ขณะที่อุปสงค์อาคารห้องชุดปรับตัวสูงขึ้น
คีธ หยาง นักวิเคราะห์จากเมอร์ริล ลินช์กล่าวว่า "ฮ่องกงกลับมาเผชิญภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ร้อนแรงถึงขีดสุด ซึ่งเราคาดว่าราคาที่อยู่อาศัยจะถีบตัวสูงขึ้น 50% ในอีก 2 ปีข้างหน้า"
ทั้งนี้ เมอร์ริลคาดว่า ยอดที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จของฮ่องกงในปีนี้ถึงปี 2553 จะอยู่ที่ 10,000-11,000 ยูนิต เมื่อเทียบกับอุปสงค์ต่อปีที่โตแตะระดับ 19,500 ยูนิต
นายหยางกล่าวว่า ผู้ซื้อบ้านจากจีนแผ่นดินใหญ่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง และมีตลาดแรงงานที่มีเสถียรภาพสูง อีกทั้งยังมีรายได้ภาคครัวเรือนที่ดีขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นยังมีความร้อนแรงซึ่งปัจจัยเหล่านี้ได้ทำให้อุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง
"อุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยจะยังมีแนวโน้มสดใสในอีก 15 ปีต่อจากนี้ แม้ว่าอัตราการขยายตัวของประชากรจะลดลง โดยการดำเนินธุรกิจขั้นปฐมภูมิใน 2 ปีที่ผ่านมาได้บ่งชี้ให้เห็นถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์"
นอกจากนี้ นายหยางกล่าวว่า ผู้ประกอบการด้านธุรกิจอสังหาฯของฮ่องกงไม่มีแนวโน้มที่จะจำหน่ายสินค้าในราคาถูก เนื่องจากราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่บ้านค้างสต็อกปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,470 ยูนิต สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--