นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) กล่าวในการปาฐกถาหัวข้อปาฐกถา“เศรษฐกิจปีหน้าหลังการเลือกตั้ง”ว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศควรให้ความสำคัญในการวางโครงสร้างพื้นฐาน 3 ด้านในการพัฒนาประเทศ ได้แก่ โครงสร้างด้านการศึกษา เพราะจะนำไปสู่ความคิดและการพัฒนา ซึ่งก็จะทำให้ประเทศแข็งแกร่ง
ระบบการขนส่งที่ครบวงจร เพราะประเทศไทยจะเติบโตได้ก็จะต้องมีสาธารณูปโภคที่รองรับ และเชื่อมต่อกัน ซึ่งจะทำให้การดำรงชีวิตของประชาชนดีขึ้น อีกทั้งทำให้ลดต้นทุนในการลงทุนได้ด้วย รวมทั้ง ระบบนิติศาสตร์และความยุติธรรม เพื่อสร้างให้ประเทศมีโครงสร้างแข็งแกร่งและรองรับการแข่งขันจากกระแสโลกาภิวัฒน์ หากมีสังคมที่ดีผู้ที่จะมาเป็นผู้นำก็จะมีความสุจริต
"ยอมรับว่าพูดยากเหมือนกันว่าการเมืองหรือการเติบโตของเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ผมคงต้องขอดูว่าผู้ที่จะมามีมาตรการและมาตรการที่เสนอจะเห็นผลและเป็นรูปธรรมได้เร็วแค่ไหน เพราะหากนโยบายมีการกระทำที่เร่งรัดและไปถึงจุดที่ประชาชนต่องการก็จะทำให้ จีดีพีเติบโตได้ถึง 6%ในปีหน้า แต่หากเลวร้ายและไม่สามารถสานต่อกับสิ่งที่พูดก็น่าจะเห็นแค่ 4.5%เท่านั้น" นายบัณฑูร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ประชาชนคาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้งจะปรับตัวดีขึ้น ตามนโยบายของพรรคการเมืองที่เสนอออกมา เพราะการที่เศรษฐกิจจะเติบโตได้ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลเพียงด้านเดียว
นายบัณฑูร กล่าวว่า สำหรับ KBANK นั้นในปี 51 ได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% เป็นการมองเผื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสนับสนุนและผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหากเศรษฐกิจเติบโตได้ดี การปล่อยสินเชื่อก็จะดีไปด้วย และปกติสินเชื่อจะไปตามภาวะเศรษฐกิจเสมอ
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--