นักวิเคราะห์ในสหรัฐคาดการณ์ว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐประกาศลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2551 อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค. และถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค.
ในระหว่างแถลงรายงานการประชุมประจำวันที่ 30-31 ต.ค.เมื่อคืนนี้นั้น เฟดได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2551 โดยคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรา 1.8-2.5% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.5-2.75% ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างแน่นอน
นายจีออฟ ฮอลล์ นักวิเคราะห์จากไอเอฟอาร์ มาร์เก็ตส์กล่าวว่า "นักลงทุนให้ความสำคัญกับการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2551 เป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่เฟดออกแถลงการณ์คาดการณ์ดังกล่าว ก็มีกระแสคาดการณ์ผุดขึ้นทันทีว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก"
ขณะที่นายไบรอัน เบธูน นักวิเคราะห์จากโกลบอล อินไซท์กล่าวว่า การคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในช่วง 1.8-2.5% สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้ายังไร้ทิศทาง และทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
"ยังไม่มีหลักฐานใดๆบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอีก แต่คำถามที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือ เศรษฐกิจสหรัฐจะต้องชะลอตัวลงจนถึงระดับใดจึงจะกระตุ้นให้เฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยเฉพาะเมื่อเฟดปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลง" นายเบธูนกล่าว
ทั้งนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานและอาหารลงสู่ระดับ 1.7-1.9% ในปี 2551 จากเดิมซึ่งคาดไว้ที่ 1.75-2.0% ส่วนดัชนีซีพีไอทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ 1.8-2.1% ในปีหน้า
"การที่เฟดปรับลดคาดการณ์ตัวเลขซีพีไอสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเฟดยังมีท่าทีหยั่งเชิงดูข้อมูลเศรษฐกิจให้ครบถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค." นายดันแคน บอลส์เบิร์ก นักวิเคราะห์จากไอเอฟอาร์ มาร์เก็ตส์กล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--