ศูนย์วิจัยกสิกรชี้รัฐบาลใหม่ต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจหลายเรื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 1, 2007 18:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจหลายประการ แม้จะเกิดความชัดเจนทางการเมืองจนส่งผลให้ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนฟื้นตัวแล้วก็ตาม
"ภาวะดังกล่าวถือเป็นความท้าทายที่รัฐบาลจะต้องดูแล เพื่อประคับประคองให้ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนไม่ถูกกระทบ จนส่งผลย้อนกลับทำให้เศรษฐกิจไม่สามารถขยายตัวได้อย่างที่หวังเอาไว้" เอกสารเผยแพร่ฯ ระบุ
โดยปัญหาเฉพาะหน้าที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาค่าครองชีพและภาวะเงินเฟ้อ, ปัญหาค่าเงินบาท, การชะลอตัวของการส่งออก, ปัญหาราคาน้ำมันผันผวน เป็นต้น
ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบเบรนท์ในปีหน้าจะอยู่ที่ 86.93 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 21.5% จากค่าเฉลี่ยในปีนี้, อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2551 อาจเพิ่มขึ้นเป็น 3.2-4.2%, อัตราการขยายตัวของ GDP ลดลงจาก 4.5-6.0% มาอยู่ที่ 3.8-5.3%
"การปรับขึ้นของราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามการอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์ อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่ากรอบที่ประเมินไว้ รวมทั้งอาจจะะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของทางการไทย" เอกสารเผยแพร่ฯ ระบุ
แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างๆ เงินบาทอาจจะยังคงแข็งค่าขึ้น ขณะที่ทางการไทยต้องการดูแลไม่ให้อัตราการแข็งค่าสูงกว่าตะกร้าเงินในภูมิภาคจนกระทบต่อความสามารถในการส่งออกของไทย ทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง เมื่อประกอบกับภาวะค่าครองชีพอาจส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในกรอบล่างของประมาณการ
"สิ่งที่ทุกฝ่ายยังคงเฝ้าติดตามได้แก่ประเด็นในด้านเสถียรภาพของรัฐบาลและสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศภายหลังการเลือกตั้ง โดยหากรัฐบาลสามารถสร้างความมั่นใจในเรื่องดังกล่าวได้ ก็น่าจะเป็นผลบวกสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างที่หวังเอาไว้" เอกสารเผยแพร่ฯ ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ