นายวิรไท สันติประภพ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกลยุทธ์ลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)คาดว่า ทิศทางดอกเบี้ยในประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝากน่าปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/50 และทยอยขึ้นต่อเนื่องในปี 51 รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 2.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาค ประกอบกับค่าเงินบาทยังคงมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
สำหรับแนวโน้มการส่งออกในปีหน้ายังขยายตัวตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว 4.5-4.8% แต่ที่สำคัญคือไทยจะต้องเริ่มส่งออกไปยังตลาดเกิดใหม่ เช่น บราซิล รัสเซีย และจีน ที่มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าตลาดส่งออกเดิมๆ เช่น อเมริกา ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพร์ม และน่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปี 51 โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ น่าจะมีสินทรัพย์ยึดคืนเพื่อขายทอดตลาดกว่า 1 ล้านยูนิต ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อราคาอสังหาริมทรัพย์ และสถาบันการเงินที่ลงทุนในซับไพร์ม
ในส่วนของภาคการลงทุนในตลาดหุ้นไทย มองว่า ยังมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นต่อเนื่อง แต่จะเป็นลักษณะลงทุนเพื่อเก็งกำไร ทำให้ตลาดหุ้นไทยจะยังมีความผันผวน ปรับขึ้นลงค่อนข้างรุนแรง แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากระดับพีอีเรโชอยู่ที่ 12 เท่า เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆในภูมิภาคที่อยู่ในระดับสูง เช่น จีน 63 เท่า, ไต้หวัน 19 เท่า, ฮ่องกง 22 เท่า
ด้านปัจจัยราคาน้ำมันปี 51 น่าจะอยู่ที่ระดับ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากยังมี Hedge Fund เข้ามาเก็งกำไรต่อเนื่อง
นายภากร ปีตธวัชชัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริหารการเงิน SCB กล่าวว่า ปีหน้ารัฐบาลใหม่จะต้องเน้นการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคการบริโภคและการลงทุนทดแทนการพึ่งพาการส่งออก ซึ่งประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4.5-5.0% ปัจจัยที่ต้องจับตาคือ ปัญหาซับไพร์มและราคาน้ำมัน
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากน่าจะปรับขึ้นไปถึง 3.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้น่าจะอยู่ในช่วง 7.00-7.25% และค่าเงินบาทจะเป็นปัจจัยความเสี่ยงของภาคธุรกิจไทย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะแข็งค่าต่อเนื่อง
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/นิศารัตน์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--