ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (22-26 พ.ย.) ไว้ที่ 32.30-33.00 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือน ต.ค., ทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ข้อมูลรายได้/การใช้จ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือน ต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. จีดีพีไตรมาส 3/64 (ครั้งที่ 2) และรายงานการประชุมเฟด (2-3 พ.ย.) นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ อัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน รวมถึง PMI ของอังกฤษ ยูโรโซน และสหรัฐฯ เดือน พ.ย.(เบื้องต้น)
โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 32.56 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับเงินดอลลาร์เผชิญแรงขายในระหว่างสัปดาห์ตามจังหวะการย่อตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากที่ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐฯ หดตัวลงมากกว่าคาดในเดือน ต.ค. อย่างไรก็ดีเงินบาทลดช่วงบวกลงบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดรอติดตามการเสนอชื่อประธานเฟดที่จะเข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นปีหน้า
ในวันศุกร์ (19 พ.ย.) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 32.74 เทียบกับระดับ 32.81 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (12 พ.ย.)