ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.82 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อน วิตกโควิดระบาดในยุโรปหนุนแรงซื้อดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 22, 2021 09:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.82 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.69 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากเย็นวันศุกร์ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก หลังจากเมื่อ วันศุกร์ กรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาให้ความเห็นว่าเฟดอาจจะต้องเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตาม มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่กดดันให้ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ คือ แนวโน้มการ กลับมาระบาดใหม่อีกครั้งของโควิด-19 ในยุโรป

"ปัจจัยในประเทศวันนี้ ต้องติดตามการรายงานตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนต.ค. ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ติดตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในฝั่งยุโรปที่เริ่มจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้บางประเทศเตรียมประกาศล็อกดาวน์อีกรอบ" นักบริหาร เงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-32.90 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (19 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.28180% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.30854%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.08 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 114.02 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1285 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1300 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.615 บาท/ดอลลาร์
  • "นายกฯ" ลั่นกลางห้องสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ไม่ตกขบวนปมร่วมเจรจา "CPTPP" รับ-ไม่รับ ยังไม่ใช่เวลานี้
ฮึ่ม! เศรษฐกิจดี แต่สุขภาพแย่ กลับมาล็อกดาวน์ ระบุใช้กลไก "กกร." แก้ปัญหายากจน สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมประเมิน
เศรษฐกิจ 4 ไตรมาส ทยอยโต-ไม่มีลบ
  • ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการประชุมหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่
39 ได้ข้อสรุปเพื่อจัดทำเป็นสมุดปกขาวมอบให้นายกรัฐมนตรี โดยได้ตั้งกรอบการขับเคลื่อนเพื่อมุ่งสู่การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจและธุรกิจ
อย่างยั่งยืน ให้สอดรับกับการก้าวไปข้างหน้าของประเทศและผู้ประกอบการ
  • รมว.พาณิชย์ คาดมูลค่าการส่งออกของไทยในปี 64 มีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้มากถึง 15-16% จากเป้าหมายที่
ตั้งไว้เมื่อตอนต้นปีว่าจะขยายตัวได้ 4% โดยวันนี้กระทรวงพาณิชย์ จะมีการรายงานสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ
ของเดือนต.ค. 64 และประเมินแนวโน้มของปี 64-65 ด้วย
  • "คลัง" เตรียมเปิดลงทะเบียน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" รอบใหม่ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน คาดมีผู้ได้รับสิทธิ์
ประมาณ 15 ล้านคนพร้อมให้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด แทนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้
  • จับตาอภิมหาดีล "เทเลนอร์-ซีพี" ผนึกกำลังสู่ Equal Partnerships ลุยธุรกิจโทรคมในอาเซียน บุก
ตลาด "เวียดนาม-เมียนมา" ลุ้นตลาดโทรคมไทยได้อานิสงส์แข่งเดือด เผยเบื้องลึก "เทเลนอร์ฯ-ซีพี" เปิดโต๊ะเจรจาสำเร็จ ก่อนเทเล
นอร์ชี้แจงผ่านตลาดหุ้นในออสโล "กสทช." จ้องดีลไม่กระพริบ หวั่นประเด็น "ทรู-ดีแทค" เข้าข่ายผู้มีอำนาจเหนือตลาด เรียกชี้แจงด่วน
วันนี้
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3.85% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR
ประเภท 5 ปีไว้ที่ระดับ 4.65% ในวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยธนาคารกลางจีนได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง
สองประเภทติดต่อกันเป็นเดือนที่ 19
  • สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ลงมติด้วยคะแนนเสียง 220-213 ให้การอนุมัติร่างกฎหมาย Build Back Better วงเงิน
1.75 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการออกมาตรการช่วยเหลือภาคครัวเรือนสหรัฐ รวมทั้ง
การแก้ไขปัญหาโลกร้อน
  • บรรดานักลงทุนได้พากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะที่เป็นสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกจากการที่ประเทศในยุโรป
จำนวนมากได้คุมเข้มมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 และเร่งฉีดวัคซีน หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
  • นักลงทุนยังจับตาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจ
เสนอชื่อประธานเฟดคนต่อไปในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการ
เฟด ถือเป็น 2 ตัวเก็งที่อาจได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานเฟดคนใหม่ โดยนายพาวเวลจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีในเดือนก.
พ. 2565
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ข้อมูลราย

ได้/การใช้จ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือน ต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. จีดีพีไตรมาส

3/64 (ครั้งที่ 2) และรายงานการประชุมเฟด (2-3 พ.ย.)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ