นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังนายกรัฐมนตรีเรียกหารือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องถึงสถานการณ์ราคาพลังงานว่า ขณะนี้ต้องปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด รัฐบาลยังมีมาตรการเพิ่มเติมใดๆ เนื่องจากราคาดีเซลยังคงอยู่ต่ำกว่าลิตรละ 30 บาท ขณะที่สถานการณ์ราคาเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มอ่อนตัวลงหลังประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน เช่น สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย นำน้ำมันสำรองของตัวเองออกมาใช้ ทำให้กลุ่มโอเปคแสดงความไม่พอใจจึงจะประชุมทบทวนเรื่องกำลังการผลิตอีกครั้งในวันที่ 4 ธ.ค.นี้
"ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อที่กระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐ จึงได้นำน้ำมันสำรองออกมาใช้แก้ปัญหาความต้องการใช้น้ำมัน เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังโควิดคลี่คลาย" นายสุพัฒน์พงษ์ กล่าว
สำหรับแนวทางของรัฐบาลยังคงใช้การชดเชยผ่านกองทุนน้ำมันอย่างต่อเนื่องไปอีกสักระยะ เนื่องจากยังไม่แน่ใจถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกว่าจะหยุดนิ่งอย่างไร จนกว่าจะกลับเข้าสู่ระดับราคาเท่าช่วงปลายเดือน ก.ย.64 โดยจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ หากมีการเปลี่ยนแปลงจะได้แก้ปัญหาได้ทันเวลา
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงข้อเสนอต่าง ๆ ของผู้ประกอบการเพื่อให้รัฐบาลช่วยบรรเทาผลกระทบนั้น รัฐบาลจะพิจารณาเป็นข้อๆ ไป แต่ก็หวังว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนผ่านโครงการต่างๆ ทั้งคนละครึ่ง การคงสภาพการจ้างงาน แต่แนวทางที่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดคือการพยายามเปิดประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ให้มีวิกฤตโควิดระลอกใหม่มาซ้ำเติมอีก
"ถ้าเราทำให้การเปิดประเทศได้ยาวนานที่สุด ทุกคนร่วมมือไม่ให้เกิดการระบาดอีก สถานการณ์ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง หมดปัญหาเรื่องคนตกงาน" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
สำหรับเงินกู้ 2 หมื่นล้านบาทที่เตรียมไว้นั้น คาดว่าจะใช้รองรับการแก้ปัญหาน้ำมันแพงได้อีก 4-5 เดือน ส่วนข้อเรียกร้องที่ให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 25 บาทต่อลิตรนั้น มองว่าคงทำไม่ได้ เพราะจะต้องใช้งบถึงวันละ 500 ล้านบาท หรือเดือนละ 15,000 ล้านบาท ซึ่งจะมากถึงปีละ 180,000 ล้านบาท