เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มฟื้นตัวในไตรมาสสามจากการลงทุนและการส่งออก

          นักเศรษฐศาสตร์คาด เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มฟื้นตัวในไตรมาสสาม เนื่องจากบริษัทเอกชนปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากตลาดเกิดใหม่อย่างจีน 
          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งจะเป็นข่าวดีสำหรับธนาคารกลางญี่ปุ่น แต่ทางธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ยังลังเลที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากวิกฤติซับไพรม์ยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก
          โพลล์สำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 10 คน ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่น ขยับขึ้น 0.5% ในไตรมาสสามเมื่อเทียบกับไตรมาสสอง และเพิ่ม 1.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าจีดีพีจะขยายตัวราว 0.3-0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และ 1.3-2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี
          ในไตรมาสสองสิ้นสุดที่เดือนมิ.ย. จีดีพีลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นับเป็นครั้งแรกในรอบสามไตรมาสที่เศรษฐกิจหดตัว หลังการลงทุนนอกภาคที่อยู่อาศัยซึ่งมีสัดส่วน 15% ของจีดีพี ลดลงติดต่อกันสองไตรมาสเนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์และลีสซิ่งลดค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน        
          "เศรษฐกิจโดยรวมของญี่ปุ่นได้รับแรงหนุนจากการส่งออกไปยังจีนซึ่งมีอนาคตสดใสกว่าการส่งออกไปยังสหรัฐซึ่งกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว" ทาเคชิ มินามิ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Norinchukin Research Institute กล่าว    
          นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จีดีพีของญี่ปุ่นน่าจะขยายตัวราว 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสสอง และ 1.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากตัวเลขส่งออกสุทธิซึ่งได้จากส่วนต่างของยอดส่งออกและนำเข้า เพิ่มขึ้น 0.4% สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน