กมธ.กฎหมายต่างด้าวผ่อนปรนธุรกิจในบัญชี 1-2 เดินหน้าต่อแต่ห้ามขยายสาขา

          คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ยอมผ่อนปรนให้คนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งอยู่ในบัญชีที่ 1 และ 2 สามารถประกอบกิจการได้ต่อไปแต่มีเงื่อนไขห้ามขยายกิจการเพิ่มเติม โดยเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณาวาระ 2 และ 3 ในต้นเดือน ธ.ค.นี้
          นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่มีนายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน มีมติผ่อนปรนให้บัญชี 1 และบัญชี 2 ตามหลักเกณฑ์ที่คณะอนุกรรมการพิจารณาบทเฉพาะกาลที่มีนายสมชาย สกุลสุรรัตน์ สมาชิก สนช. เสนอมา ทำให้ธุรกิจของคนต่างด้าวที่อยู่ในบัญชี 1 และ 2 สามารถประกอบกิจการต่อไปได้ แต่มีเงื่อนไขห้ามขยายกิจการเพิ่มเติม ส่วนบัญชี 3 สามารถประกอบธุรกิจได้ต่อไปจนกว่าจะเลิกกิจการ
          "การปรับนิยามคนต่างด้าวใหม่ทำให้ธุรกิจทั้ง 3 บัญชี ซึ่งเดิมเป็นบริษัทไทยกลายเป็นบริษัทต่างชาติ จึงต้องมีการออกบทเฉพาะกาลที่ผ่อนปรนเพื่อให้ธุรกิจสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ เนื่องจากเห็นว่ากฎหมายไม่ควรมีผลย้อนหลังไปกระทบกับธุรกิจที่เคยมีสิทธิ์ ก็ควรได้รับสิทธิ์นั้นต่อไป" นายคณิสสร กล่าว
          สาเหตุที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เลือกแนวทางผ่อนปรนให้กับธุรกิจในบัญชี 1(ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการ) และบัญชี 2(ประกอบธุรกิจได้แต่ต้องขออนุญาตจากคณะรัฐมนตรี) นั้น เนื่องจากบทเฉพาะกาลเดิมกำหนดให้ธุรกิจในสองบัญชีดังกล่าวสามารถประกอบธุรกิจได้ 3 ปี หลังจากนั้นต้องปรับโครงสร้างให้ถูกต้อง 
          แต่หลังจากที่ สนช.มีมติเพิ่มเกณฑ์ควบคุมกิจการลงไปในคำนิยามคนต่างด้าว เพื่อไปดูควบคู่กับเกณฑ์สัดส่วนการถือหุ้นและเกณฑ์สิทธิในการออกเสียง ทำให้กฎหมายมีความเข้มงวดมากขึ้น จึงต้องผ่อนปรนบทเฉพาะกาล เพื่อไม่ให้ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่แล้วได้รับผลกระทบ
          อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการผ่อนปรนให้กับธุรกิจในบัญชี 1 และ บัญชี 2 มากขึ้นแต่ก็มีเงื่อนไข เพราะหากต้องการจะขยายกิจการ เช่น การขยายสาขา การเพิ่มทุน ธุรกิจที่อยู่ในบัญชี 1 จะต้องไปปรับโครงสร้างให้เป็นบริษัทไทยก่อนถึงจะขยายกิจการได้ ส่วนธุรกิจบัญชี 2 จะต้องได้รับอนุญาตจาก ครม. สำหรับธุรกิจบัญชี 3 สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ และห้ามไม่ให้ทั้งสามบัญชีเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของคนต่างด้าวเกิน 49%
          หลังจากได้ข้อสรุปบทเฉพาะกาลคาดว่าจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ อีก 1 ครั้งภายในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณารายละเอียดในส่วนที่เหลือ เช่น อำนาจของกรรมการ ธุรกิจในบัญชีแนบท้าย และตรวจสอบถ้อยคำของบทเฉพาะกาลที่ได้อนุมัติไปแล้ว หากไม่มีข้อขัดแย้ง จะสามารถผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.วาระ 2 และ 3 ได้ภายในต้นเดือน ธ.ค.นี้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่กฎหมายคนต่างด้าวจะสามารถบังคับใช้ได้ทันภายในรัฐบาลชุดนี้