เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมแห่งสภาคองเกรสว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะภาวะผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงิน
"เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 4 จากไตรมาส 3 ที่มีการขยายตัวในอัตรา 3.9% และคาดว่าเศรษฐกิจจะชลอตัวไปจนถึงปีหน้า เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับฐานลง" เบอร์นันเก้กล่าว
เบอร์นันเก้ระบุว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะปั่นป่วนในตลาดการเงิน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ภายในแรงกดดันมาตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ผมคาดว่าตัวเลขการผิดนัดชำระหนี้ในตลาดปล่อยกู้จำนองจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า"
"ขณะที่ปัญหาในตลาดซับไพรม์เป็นจุดเริ่มต้นของความผันผวนในตลาดการเงิน ผมคาดว่าปัญหาดังกล่าวจะลุกลามไปยังภาคส่วนอื่นๆของสหรัฐด้วย ดังจะเห็นได้จากบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์, เมอร์ริล ลินช์ และซิตี้กรุ๊ปที่รายงานตัวเลขขาดทุนจำนวนมาก"
"แม้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวได้ดีนั้น ธนาคารขนาดใหญ่บางแห่งที่วิตกกังวลเรื่องสภาพคล่องและงบดุล กลับเริ่มลังเลที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับลูกค้าหรือธนาคารแห่งอื่นๆ เมื่อพิจารณาจากภาพรวมเหล่านี้เราพบว่า ตลาดการเงินยังคงผันผวนและตึงตัว และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็ยังคงวิตกว่าภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะสกัดกั้นการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย" เบอร์นันเก้กล่าว
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยกล่าวว่าราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นด้วย ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐด้วยเช่นกัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--