ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ร่วงหนัก ฉุดดอลล์อ่อนเทียบยูโร,เยน,ปอนด์

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่งลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เพราะได้รับปัจจัยลบจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงอันเนื่องจากความกังวลเรื่องปัญหาในตลาดสินเชื่อและภาวะไร้เสถียรภาพในภาคการเงินของสหรัฐ
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.4868 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4838 ดอลลาร์ต่อยูโร หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1.4966 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะดับ 2.0720 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0612 ดอลลาร์ต่อปอนด์
          นอกจากนี้ ดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 107.86 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 108.18 เยนต่อดอลลาร์ 
          นายบ็อบ ซินช์ นักวิเคราะห์ด้านยุทธศาสตร์การลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศจากแบงค์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า "ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวตามตลาดอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงกว่า 200 จุดหลังจากมีข่าวว่าซิตี้แบงค์กำลังวางแผนลดต้นทุน ซึ่งรวมถึงการลดจำนวนพนักงาน และเอชเอสบีซีซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของยุโรป อาจต้องตั้งสำรอง 1.2  หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับการจำนองประเภทซับไพร์ม"
          "ดอลลาร์อ่อนตัวลงมาโดยตลอด นับตั้งแต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนหน้า หลังจากที่เฟดลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วหลายครั้งในปีนี้" นายซินช์กล่าว
          รายงานระบุว่า เฟดเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินอีก 8 พันล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการธนาคารในวันพุธนี้ ซึ่งนับเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
           เฟดสาขาชิคาโกเปิดเผยว่า ดัชนีชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศของสหรัฐลดลงในเดือนต.ค. โดยได้รับผลกระทบจากความอ่อนแอของการจ้างงานและภาคการผลิต
          นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า ภาวะตึงตัวในตลาดเงินเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นอีซีบีจึงวางแผนที่จะเพิ่มสภาพคล่องเพื่อจัดหาเม็ดเงินทุนหมุนเวียนให้กับธนาคารพาณิชย์อย่างน้อยก็จนถึงปลายปี 2550
          อีซีบีกล่าวในแถลงการณ์ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณโดยตรงกับตลาดเงิน อีกทั้งกล่าวว่า"เพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราได้สื่อสารต่อตลาดเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา อีซีบีจะจับตาสถานการณ์สภาพคล่องอย่างใกล้ชิด โดยมีเป้าหมายที่จะลดความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น"