นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เปิดเผยถึงกรณีบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เอกชนคู่สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญา ในส่วนการจ่ายเงินเพื่อแลกกับการโอนสิทธิและทรัพย์สิน รวมถึงการบริหารรถไฟแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เป็นเงิน 10,671 ล้านบาทเพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งได้พิจารณาพบว่าจำนวนผู้โดยสารรถไฟแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีจำนวนผู้โดยสารลดลงเหลือ 9 พันคน/วัน จากเดิมมีจำนวน 7.9 หมื่นคน/วัน
ดังนั้นทางฝั่งภาครัฐกำลังพิจารณาผลกระทบและวิธีแก้ไข ซึ่งตามกระบวนการได้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ และ คณะกรรมการกำกับดูแลสัญญาร่วมหารือเพื่อหาข้อเท็จจริง จากผลกระทบนอกเหนือสัญญา และพิจารณาว่าจะแก้ไขอย่างไร และจะมีการแก้ไขสัญญาหรือไม่ โดยให้ระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน หรือไม่เกินเดือน ม.ค.65
โดยหากมีการแก้ไขสัญญา ก็ต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างไรก็ตาม เอกชนได้จ่ายเงินมาแล้ว 1,067 ล้านบาท หรือ 10% ของวงเงินที่ต้องจ่าย
"ต้องชี้ให้ชัดว่าผลกระทบโควิดจริงไหม ทำตัวเลขชัดเจนก่อนค่อยมาดูว่าจะจัดการอย่างไร ถ้าผลกระทบน้อย จะขยายเวลา หรือถ้าผลกระทบมากไม่อยากขยายเวลา แต่คลังไม่ต้องการจ่ายเยียวยา ...วันนี้ยังไม่มีการแก้ไขสัญญา"นายคณิศ กล่าว
ทั้งนี้ งานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ไม่มีปัญหาเพราะ รฟท.ได้ส่งมอบพื้นที่แล้ว 98% คือพื้นที่แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ -สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา และคาดว่าในเดือนม.ค.65 จะส่งมอบในส่วนที่เหลือ
นายคณิศ กล่าวว่า ขณะนี้โครงสร้างพื้นฐานหลักในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ได้ดำเนินครบ 4 โครงการ มูลค่าการลงทุนสูงถึง 654,921 ล้านบาท เป็นการลงทุนภาคเอกชน 416,080 ล้านบาท และเป็นการลงทุนของภาครัฐ 238,841 ล้านบาท โดยเอกชนให้ผลตอบแทนภาครัฐ 440,193 ล้านบาท รัฐได้ผลตอบแทนสุทธิ 201,352 ล้านบาท
โครงการ 4 โครงการได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เงินลงทุน 276,561 ล้านบาท โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก เงินลงทุน 204,240 ล้านบาท โครงการท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 เงินลงทุน 64,905 ล้านบาท และโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เงินลงทุน 654,921 ล้านบาท