นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังหารือกับนายอิสซา อับดุลเลาะฮ์ ญาบิร อัลอาลาวี เอกอัครราชทูตรัฐสุลต่านโอมานประจำประเทศไทยว่า ถือเป็นโอกาสพบกันครั้งแรกในประวัติศาสตร์หลังจากที่มีการตั้งสถานทูตโอมานในประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะช่วยกันเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนให้มากขึ้น รวมทั้งเร่งรัดให้ทางโอมานรับรองตราฮาลาลของไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากจะช่วยให้ไทยส่งออกสินค้าฮาลาลไปโอมานสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น สามารถสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้กับประชากรโอมานและกลุ่มตะวันออกกลางมากยิ่งขึ้น เนื่องจากโอมานจะกลายเป็นศูนย์กระจายสินค้าให้กับไทย นอกจากนี้จะเร่งส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยจะช่วยกันเร่งรัด MOU ในเรื่องการลงทุน ซึ่งไทยจะช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ MOU เกิดขึ้นโดยเร็ว
สำหรับไทยได้มีข้อเสนอให้โอมานในประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) อยากเห็น MOU ระหว่างการยางแห่งประเทศไทยกับโอมานและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เพื่อสนับสนุนให้นำยางพาราของไทยไปทำถนนในโอมานและตะวันออกกลาง เนื่องจากทนความร้อนได้สูง ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้ามากแล้ว โดยไทยได้ขอให้ท่านทูตประสานกับทางการโอมานและสนับสนุนให้เรื่องดังล่าวเกิดขึ้นโดยเร็ว 2) ขอให้โอมานช่วยนำเข้าสินค้าไทยไปโอมาน เช่น ข้าวคุณภาพสูง ยางพารา เครื่องปรับอากาศ ตู้แช่เย็นแช่แข็ง อาหารกระป๋อง และผลไม้ โดยเฉพาะมะขามหวานซึ่งได้รับความนิยมสูง และ 3) ขอให้ท่านทูตประสานงานกับภาครัฐและเอกชนโอมานเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของไทย ซึ่งจะจัดขึ้นในปี 2565 เช่น Bangkok Gems and Jewelry Fair, THAIFEX ANUGA Asia, TILOG LOGISTIX, Bangkok RHVAC, TAPA และ Bangkok Style เป็นต้น
ขณะที่ทูตโอมานได้แจ้งให้ทราบและมีข้อเสนอ คือ อยากเห็นประเทศไทยไปเปิดตลาดหรือแสดงสินค้าไทยในโอมาน เช่นเดียวกับที่ไทยไปเปิดศูนย์กระจายสินค้าที่บาร์เรน ซึ่งไทยจะหาลู่ทางเพิ่มเติมต่อไป เนื่องจากจะมีส่วนช่วย SME ไทยได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังขอให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างภาครัฐและเอกชนของไทยกับโอมานมากขึ้น
ประเทศโอมานมีประชากรจำนวน 5 ล้านคน เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญการทำหน้าที่เป็นเทรดเดอร์ (Trader) ในตะวันออกกลาง และยังเป็นประตูส่งออกสินค้าของไทยไปประเทศตะวันออกกลางอื่นๆ รวมทั้งเป็นประเทศในตะวันออกกลางที่อยู่ใกล้ไทยมากที่สุด และมีทางออกทะเล ซึ่งโอมานถือเป็นคู่ค้าอันดับ 6 ของไทยในตะวันออกกลาง และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 41 ของโลก
ในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.64) การค้าระหว่างประเทศไทยกับโอมานมีมูลค่ารวม 52,247.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 113.05% โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 13,125.06 ล้านบาท (+35.62%) และเป็นการนำเข้า 39,122.89 ล้านบาท (+163.52%) สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปโอมาน เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น และสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากโอมาน เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ และน้ำมันดิบ เป็นต้น