ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสำหรับสัปดาห์ถัดไป (29 พ.ย.-3 ธ.ค.) ที่ 33.20-34.00 บาท/ดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนต.ค. ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของยุโรป รวมถึงดัชนี PMI เดือนพ.ย. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ
โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (22-26 พ.ย.) เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 33.68 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามจังหวะการย่อตัวของราคาทองคำในตลาดโลก และสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดและรายงานการประชุมเฟด ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะเร่งปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ของมาตรการ QE และอาจจะตามมาด้วยสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในปีหน้าหากเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบสูงต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล เป็นประธานเฟดอีกสมัย ก็เป็นปัจจัยบวกต่อดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ (26 พ.ย.) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 33.65 เทียบกับระดับ 32.76 บาท/ดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 พ.ย.)