นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสินค้าบางรายการที่ไม่สามารถทนแบกภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้จนถึงสิ้นปีตามที่กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือไว้ เช่น สินค้ากลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้คาดว่าเร็วๆ นี้ ผู้ประกอบการสินค้าดังกล่าวที่ได้รับผลกระทบจะทยอยส่งหลักฐานโครงสร้างต้นทุนสินค้ามาให้กรมการค้าภายในพิจารณาเพื่ออนุมัติปรับขึ้นราคาสินค้า
"ตอนนี้การแข่งขันรุนแรงมาก บางรายอยากขึ้นแต่ก็กลัวว่า ตัวเองขึ้นแต่คู่แข่งไม่ขึ้นจะทำให้เสียตลาดและเสียฐานลูกค้า จึงจะพยายามตรึงราคาสินค้าให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ก็มีบางรายที่อั้นไม่อยู่เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นมากจนผลประกอบการขาดทุน ซึ่งเชื่อว่า จะได้เห็นสินค้าหลายรายการปรับขึ้นก่อนปีใหม่ อย่างมาม่าที่กำลังพิจารณาปรับขึ้นราคาในเดือนธํนวาฯนี้" นายสันติ กล่าว
ด้านนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดเพราะยังมีโอกาสลดลงได้อีก โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเป็นกลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มสินค้าที่มีน้ำหนักมากในการบรรทุก เช่น วัสดุก่อสร้าง และสินค้าต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เช่น เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก
นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในเรื่องราคาสินค้าได้รับปากกับภาคเอกชนว่าหากจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาก็จะพิจารณาให้ แต่ขอให้ยึดหลักความสมเหตุสมผล โดยคำนึงถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจริง มีความเป็นธรรมทั้งต่อผู้ผลิตด้วยกัน ผู้บริโภค และเศรษฐกิจของประเทศ และการปรับราคาต้องค่อยเป็นค่อยไป
"ขณะนี้เศรษฐกิจไม่คล่องตัวมากนัก แม้จะเติบโต 4.5% ก็ถือว่าไม่มาก และประชาชนยังได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งสาธารณะที่เพิ่มขึ้น จนทำให้ค่าครองชีพเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 2.5% การขึ้นราคาสินค้าถ้าไม่รอบคอบ จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจ" นายเกริกไกร กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--