(เพิ่มเติม) พาณิชย์เผย ต.ค.50 ส่งออกโต 26.7%นำเข้าโต 20.2%เกินดุล 1.5 พันล้านดอลล์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 21, 2007 15:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน ต.ค.50 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 14,516 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 26.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 13,017 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 20.24% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 1,499 ล้านเหรียญสหรัฐ
"ในเดือนตุลาคมนี้การส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ไม่เคยมีการส่งออกสูงมากเท่านี้นับตั้งแต่มีการส่งออกของประเทศไทยเกิดขึ้น"นายราเชนทร์ กล่าวในการแถลงข่าว
การส่งออกเพิ่มขึ้นมากในทุกกลุ่มสินค้า ทั้งสินค้าอุตสาหกรรม, สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร และสินค้าอื่นๆ โดยสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 29.1% ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวในอัตราที่สูง ได้แก่ ยานยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ผลิตภัณฑ์พลาสติก, วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ส่วนสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 22.6% ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว, ยางพารา, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอาหารกระป๋องและแปรรูป
ขณะที่สินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น 21.4% ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เลนส์ และเครื่องกีฬา เป็นต้น
สำหรับมูลค่าการส่งออกช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ต.ค.) อยู่ที่ 125,114 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 17.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 85.72% ของเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ ขณะที่มีมูลค่าการนำเข้า 115,160 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 7.8% เกินดุลการค้า 9,953.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
ด้านตลาดส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งตลาดหลักและตลาดใหม่ โดยตลาดหลักเพิ่มขึ้น 17.7% และตลาดใหม่เพิ่มขึ้น 37.4% ซึ่งตลาดใหม่ที่การส่งออกขยายตัวในอัตราสูงเกิน 40% ได้แก่ ฮ่องกง, แอฟริกา, ยุโรปตะวันออก, อินโดจีน และออสเตรเลีย
นายราเชนทร์ กล่าวว่า การนำเข้าในเดือน ต.ค.50 ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.2% เป็นเครื่องสะท้อนความมั่นใจในเศรษฐกิจ เพราะการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนก่อน(ก.ย.) โตแค่ 10% แสดงให้เห็นชัดว่าเป็นการนำเข้าสินค้าทุนมาเพื่อใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก ภาคเอกชนมองว่าทิศทางการส่งออกดีขึ้นต่อเนื่อง จึงนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มมากขึ้น
นายราเชนทร์ มั่นใจว่า การส่งออกของไทยในปีนี้จะขยายตัวได้เกินเป้าหมาย 12.5% ตามที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันและขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่นอกเหนือจากตลาดหลักของไทยที่มีอยู่เดิม
"สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าและทำเต็มที่คือผลักดันการส่งออกไปตลาดใหม่ เป้าส่งออกที่ 12.5% น่าจะเห็นผล แต่ถ้าดูจากวันนี้น่าจะเกินแน่ เพราะตลาดใหม่ก็โตเกิน 30% และช่วยค้ำจุนการส่งออกให้โตได้มากขึ้น...ปีนี้ส่งออกน่าจะโตได้ใกล้เคียงกับ 14%" นายราเชนทร์ กล่าว
สถานการณ์เงินบาทแข็งค่าที่ภาคเอกชนเป็นกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในปีนี้นั้น นายราเชนทร์ กล่าวว่า แม้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง การส่งออกของไทยในปีนี้ก็ยังเติบโตได้ดี เพราะสิ่งสำคัญคือความมีเสถียรภาพของเงินบาทที่ทำให้ผู้ส่งออกสามารถกำหนดต้นทุนและราคาสินค้าได้อย่างชัดเจน และเห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)สามารถดูแลรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทได้เป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 26-27 พ.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะประชุมร่วมกับภาคเอกชนเพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกสินค้าในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ และแนวโน้มการส่งออกปี 51 เพื่อนำมาใช้ประกอบการกำหนดเป็นเป้าหมายการส่งออกในปีหน้าต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ