ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดอุตฯปูนปี 51 ฟื้นตัว 4-7% จากที่ซบเซาหนักปีนี้

          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองยอดขายปูนซิเมนต์ในประเทศในปี 50 จะลดลง 2.8% อยู่ที่ระดับ 28.3 ล้านตัน ผู้ประกอบการต้องหันไปดันส่งออกแทน ส่งผลยอดส่งออกเติบโตได้ดีกว่าคาด 23%  ส่วนปี 51 คาดหวังจะฟื้นตัวหลังมีรัฐบาลใหม่ ยอดขายในประเทศจะขยายตัว 4-7% จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัว และส่งออกจะรักษาระดับโต 10% 
          สำหรับการผลิตของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในปี 50 อาจมีปริมาณทั้งสิ้นประมาณ 36.5 ล้านตัน ลดลง 7.3%เทียบกับ 39.4 ล้านตันในปี 2549 เนื่องจากยอดขายภายในประเทศชะลอตัวลง 
          ช่วง 9 เดือนแรกปี 50 ยอดขายปูนซีเมนต์ในประเทศมีปริมาณ 21.3 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหดตัวติดต่อกันมาตลอดช่วง 9 เดือน โดยเป็นผลมาจากการที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในภาวะซบเซา ขณะเดียวกันโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐในปีนี้ก็มีโครงการใหม่เกิดขึ้นน้อย 
          ดังนั้น จึงคาดว่ายอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศตลอดทั้งปี 2550 อาจมีระดับประมาณ 28.3 ล้านตัน หรือลดลง 2.8%เมื่อเทียบกับ 29.2 ล้านตันในปี 2549 โดยตลาดในประเทศอยู่ในภาวะซบเซาต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในปี 2549 มีอัตราขยายตัวเพียง 0.7% ผู้ผลิตจึงขยายการส่งออกปูนมากขึ้น คาดว่าปีนี้จะมีการส่งออกปูนซีเมนต์ประมาณ 18.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 590 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณเพิ่มขึ้น 23% และ มูลค่าเพิ่มขึ้น 14% จากปี 49  
          การเติบโตสูงของการส่งออกเป็นผลมาความต้องการในตลาดประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและแถบเอเชียใต้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก รวมทั้งมีการขยายตลาดใหม่ๆ เช่น ในตะวันออกกลาง ยุโรป ละตินอเมริกาและแอฟริกา 
          สำหรับแนวโน้มปี 51 แนวโน้มความต้องการปูนซีเมนต์ภายในประเทศมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นหลังจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คาดว่าจะมีตัวแปรสำคัญอยู่ที่การดำเนินการโครงการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งรวมไปถึงผลักดันโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญให้เริ่มต้นเดินหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรม
          ความชัดเจนของโครงการภาครัฐจะเอื้ออำนวยให้ภาคเอกชนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับแผนลงทุนได้ รวมทั้งมีผลในการฟื้นคืนความเชื่อมั่น ซึ่งหากเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นจะมีส่วนช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ปรับตัวดีขึ้นได้ 
          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศในปี 51 อาจมีระดับประมาณ 29.5-30.3 ล้านตัน ขยายตัวประมาณ  4-7% 
          ในกรณีเลวร้าย หากราคาน้ำมันสูงกว่าระดับที่คาดการณ์อีก 10-20 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศในปี 2551 อาจมีระดับต่ำลงมาเป็นประมาณ 2 -5% 
          และคาดว่าปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์ในปี 51 อาจจะยังรักษาระดับอัตราการขยายตัวที่ประมาณ 10% ได้ ตลาดส่งออกน่าจะยังคงเน้นไปที่ตลาดประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนและเอเชียใต้ ขณะที่ตะวันออกกลางยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง 
          ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 51 อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์น่าจะมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 37-39 ล้านตัน ขยายตัวประมาณ 2-7% ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังผลิตปูนซีเมนต์ในปี 51 อาจเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 65.5-70.0% จากระดับประมาณ 65% ในปี 2550