ปตท.ระบุหากราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวสูงมีโอกาสปรับราคาขายปลีกขึ้นอีก

          นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า หากสถานการณ์ราคาน้ำมันยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไปอีก อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศอีก
          โดยสถานการณ์ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศขณะนี้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงได้ โดยราคาขายปลีกหน้าที่สถานีบริการในก กทม.และปริมณฑล เท่ากับราคาหน้าโรงกลั่น ทำให้ผู้ประกอบการขาดทุนจากการขายลิตรละ 1.50 บาท โดย ปตท.ประสบปัญหาขาดทุนประมาณวันละ 40 ล้านบาท
          ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ค้าน้ำมันทุกรายได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ส่งผลให้ราคาขณะนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย เบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 32.89 บาท, เบนซิน 91 ลิตรละ 31.59 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 28.89 บาท และดีเซลลิตรละ 29.34 บาท
          นายประเสริฐ กล่าวว่า พยายามหาแนวทางช่วยเหลือเพื่อลดภาระให้กับประชาชน โดยส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์ ก๊าซเอ็นวีจี โดยในปีหน้า ปตท.จะเริ่มจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 และเริ่มทยอยลดการจำหน่ายน้ำมันเบนซินธรรมดา เพื่อเพิ่มหัวจ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้มากขึ้น 
          ส่วนแนวทางส่งเสริมการใช้ก๊าซเอ็นจีวีนั้น ปตท.จะเร่งขยายปั้มเอ็นจีวีให้ครบ 500 แห่งทั่วประเทศภายใน 3-4  ปี เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันมีรถยนต์ใช้เอ็นจีวีรวม 51,121 คัน เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนที่มีเพียง 25,840 คัน และเชื่อว่าภายใน 4 ปีข้างหน้าจะมีรถยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีถึง 250,000 คัน
          ทั้งนี้ ปตท.จะพยายามตรึงราคาจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีไว้ที่กิโลกรัม 8.50 บาทจนถึงสิ้นปีหน้า และหากมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นก็จะทยอยปรับ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน