"ปิยสวัสดิ์"ขอดูสถานการณ์ก่อนตัดสินใจลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 12, 2007 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานขอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ก่อนตัดสินใจว่าจะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอีกหรือไม่ เนื่องจากว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงกว่า  1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 87.68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
"ขณะนี้กระทรวงพลังงานจะยังไม่ปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะขอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงต้นสัปดาห์นี้ก่อน" รมว.พลังงาน กล่าว
รมว.พลังงาน ระบุว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงนี้จะมีความผันผวนสูง โดยจะปรับตัวขึ้นลงเนื่องจากกระแสข่าวเป็นหลัก ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบเบรนท์และดูไบ ได้ปรับตัวลดลง หลังจากแหล่งผลิตน้ำมันในทะเลเหนือซึ่งหยุดการผลิตจากภาวะอากาศแปรปรวน ได้กลับมาทำการผลิต และการรั่วไหลของท่อขนส่งน้ำมันดิบของบริษัท Kuwait Oil ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออก
นอกจากนี้ ข่าวที่ซาอุดิอาระเบียจะหารือเรื่องการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันกับประเทศสมาชิกโอเปคในการประชุมวันที่ 17-18 พ.ย. นี้ทำให้ตลาดน้ำมันคลายความกังวลในด้านซัพพลายไปบ้าง
อย่างไรก็ตาม น้ำมันดิบ WTI หลังจากได้อ่อนตัวลงในวันพฤหัสบดีก่อน แต่ในวันศุกร์ได้ปิดตลาดด้วยราคาที่สูงขึ้น 0.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากความกังวลในเรื่องปริมาณสำรองน้ำมันที่ลดลง และข่าวเพลิงไหม้ของโรงกลั่นในเท็กซัส
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในระยะสั้น รมว.พลังงาน คาดว่า ราคาน้ำมันจะแกว่งตัวขึ้นลงในระดับสูงจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันตึงตัว หลังจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง
ส่วนแนวโน้มของราคาน้ำมันในระยะใกล้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของฤดูหนาวที่จะมาถึงและสภาพเศรษฐกิจ โอเปคมองว่าราคาน้ำมันที่อาจปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นภาวะชั่วคราวเนื่องจากการเก็งกำไร และหากเป็นไปตามสภาวะที่แท้จริงของตลาด ราคาน้ำมันควรปรับลดลงมาอยู่ในระดับ 80-85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาจากการอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วของเงินดอลลาร์สหรัฐ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 จนถึงปัจจุบันดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงถึงร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับเงินยูโร ซึ่งบรรเทาผลกระทบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้พอสมควรสำหรับผู้ใช้น้ำมันในยุโรป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ