เอ็กซอน โมบิล คอร์ป บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก เปิดเผยว่า ผลกำไรของบริษัทร่วงลง 10% ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน เนื่องจากมาร์จิ้นจากก๊าซธรรมชาติและสารเคมีลดลง รวมทั้ง ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นไปทำสถิติเป็นประวัติการณ์ 96 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาบ้าง ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า มาร์จิ้นจากการกลั่นของเอ็กซอน โมบิล จะจะยังคงฉุดรายได้ของ เอ็กซอน ต่อไปในช่วงไตรมาส 4
ที่ผ่านมานั้น เอ็กซอน โมบิล มักมีกำไรทำสถิติอยู่เสมอ แต่บริษัทก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อกำไรต่อหน่วย หรือ มาร์จิ้น ในธุรกิจการกลั่นของบริษัทช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
"เราคาดหวังว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะลดความต้องการพลังงาน และจะบีบมาร์จิ้นจากการกลั่นในอนาคต" ออปเพ่นไฮเมอร์ แอนด์ โค กล่าวในบทวิเคราะห์ถึงนักลงทุน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ผลกำไรของ เอ็กซอน ร่วงลง แม้ว่าจะทำสถิติรายได้รายไตรมาสเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐก็ตาม โดยรายได้สุทธิหล่นลง 9.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1.049 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งผลกำไรไตรมาส 3 ของปีที่แล้วคิดเป็นสัดส่วนมากเป็นอันดับ 2 ของบริษัทสหรัฐเท่าที่เคยมีการบันทึกกันมา
แม้ว่า กำไรเมื่อเทียบรายปีของ เอ็กซอน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในมลรัฐเท็กซัส จะลดลงก็ตาม แต่ เฮนรี่ ฮับเบิล รองประธานฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังแข็งแกร่ง และยังคงสำรวจหาแหล่งพลังงานใหม่ๆอย่างเต็มที่ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวน ราคาต้นทุนที่สูงขึ้น และปัจจัยอื่นๆก็ส่งผลกระทบต่อกำไรในไตรมาส 3 ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งที่มีผลให้การผลิตลดลงก็คือ การผลิตในเวเนซูเอลาของ เอ็กซอน ลดลงในปีนี้ โดยเวเนซูเอลา ภายใต้นโยบายของประธานาธิบดี ฮูโก้ ชาเวซ ได้แปรรูปให้โครงการน้ำมัน เคอร์โร เนโกร ตกเป็นสมบัติของชาติ ส่งผลให้เอ็กซอน ต้องยื่นเรื่องข้อพิพาทนี้ให้อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศตัดสิน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--