ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร แต่ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินปอนด์ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.4655 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.4596 ดอลลาร์ต่อยูโร
แต่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 2.0563 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0674 ดอลลาร์ต่อปอนด์ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า เนื่องจากภาวะวิกฤติในตลาดการเงินและภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นแตะระดับ 111.57 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 110.69 เยนต่อดอลลาร์ และทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.0373 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของรัฐบาลเยอรมนีที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 3 ของเยอรมนีขยายตัวในอัตรา 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และขยายตัว 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เนื่องจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมในสหรัฐ ทั้งนี้ และคาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4 และในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.4% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงในขณะที่ภาคธุรกิจพยายามระบายสินค้าออกจากคลัง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--