นายนอร์ โมฮัมเหม็ด ยัคค็อพ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนที่ 2 ของมาเลเซีย กล่าวในวันนี้ว่า รัฐบาลยังคงมั่นใจว่าเศรษฐกิจมาเลเซียจะไปถึงเป้าหมายการขยายตัวที่ระดับ 6% ในปี 2550 และ 6-6.5% ในปี 2551 แม้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงก็ตาม
"ในระยะกลางนี้ เราคาดว่าราคาน้ำมันจะไม่ส่งผลกระทบกับการคาดการณ์ของเรา เมื่อราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นทุกๆ 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล บริษัทปิโตรนาสของรัฐบาลมาเลเซียก็จะมีรายได้ประมาณ 250 ล้านริงกิตต่อปี" เขากล่าว
นายนอร์ มูฮัมหมัดยังกล่าวด้วยว่า "เม็ดเงินลงทุนจากประเทศตะวันออกกลางหลั่งไหลเข้าสู่มาเลเซียเป็นจำนวนมาก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งขึ้นเข้าใกล้ระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่เมื่อมองในระยะไกล ก็ต้องยอมรับว่าการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจะส่งผลให้เศรษฐกิจของหลายประเทศชะลอตัวลง โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกของเราด้วยเช่นกัน"
"แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ มาเลเซียพยายามไม่พึ่งพาการส่งออกมากนัก โดยเราผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวด้วยการกระจายความเสี่ยง นอกจากนี้ เรายังใช้นโยบายลดหย่อนภาษีนิติบุคคลลงกว่า 1% จากระดับ 28% ในปี 2548 เหลือเพียง 25% ในปี 2553"
"นอกจากนี้ เราเชื่อว่ามาเลเซียจะไม่ได้รับผลกระทบด้านการส่งออกมากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจจีนและอินเดียยังคงแข็งแกร่งแม้ต้องเผชิญราคาน้ำมันที่สูงขึ้นก็ตาม" เขากล่าว สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--