เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงใกล้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบเงินยูโรในการซื้อขายช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตและการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้เกิดความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในสิ้นปีนี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ซึ่งจะได้รับการเปิดเผยในคืนนี้ จะเป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่ยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์ และจำเป็นต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
"เราได้รับข้อมูลเชิงลบมากมายจากสหรัฐ ตลาดจึงคาดการณ์ว่าน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนธ.ค." เดวิด แมนน์ นักยุทธศาสตร์การเงินจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์ตเตอร์ด กล่าว
โดยในช่วงบ่ายวันนี้ เงินยูโรซื้อขายที่ระดับ 1.4450 ดอลลาร์ต่อยูโร เพิ่มขึ้นจา 1.4429 ดอลลาร์ต่อยูโรในการซื้อขายช่วงเช้าที่ตลาดออสเตรเลีย และจากระดับ 1.4425 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดนิวยอร์ก โดยเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา เงินยูโรได้พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.4504 ดอลลาร์ต่อยูโร หลังเฟดประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
ด้านเงินดอลลาร์ซื้อขายกันที่ 114.660 เยนต่อดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 114.465 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงเช้า และจากระดับ 114.60 เยนต่อดอลลาร์เมื่อคืนนี้
ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์ตเตอร์ด คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้น 90,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าในเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่ง
"มีเหตุผลหลายประการที่ควรมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง" นายแมนน์กล่าว "ตัวเลขการจ้างงานลดลงอย่างน่าผิดหวังมาระยะหนึ่งแล้ว และคาดว่าจะชะลอตัวเช่นนี้ต่อไป" สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--