นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการอนุมัติของขวัญปีใหม่ 2565 ชุดใหญ่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเฉพาะมาตรการช้อปดีมีคืน ที่สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่าย แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 นั้น หอการค้าไทยขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้ตอบรับข้อเสนอภาคเอกชนตามที่เคยนำเสนอไว้ ซึ่งจะช่วยเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปี 65 อย่างคึกคักแน่นอน
ส่วนโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ที่คาดว่าจะเริ่มในเดือนมีนาคม - เมษายน 2565 คาดว่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นและพยุงการใช้จ่ายในช่วงต้นปี 65 ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะมีมาตรการใหม่ ๆ ออกมาเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศเป็นหลัก อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดสายพันธุ์โอมิครอน
นายสนั่น ยังกล่าวถึงกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) สั่งยกเลิกมาตรการ Test & Go ชั่วคราวจนถึง 4 มกราคม 65 เพื่อสกัดโควิดโอมิครอนเข้าประเทศ หลังจากพบผู้ที่เดินทางเข้ามาติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นนั้น หอการค้าไทยเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายในระยะแรกที่สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนได้เกินว่า 100 ล้านโดส หรือ 70% ของประชากร ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันที่เพิ่มมากขึ้น และจะเห็นได้ว่าอัตราการติดเชื้อในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับต่างประเทศที่มีอัตราติดเชื่อเพิ่มสูงขึ้น ประกอบการที่รัฐบาลเตรียมวัคซีนเพื่อกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 เพิ่มเติมอีกในปีหน้า จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับประชาชนทั้งในและต่างประเทศได้ด้วย
ดังนั้น หอการค้าไทยจึงเห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรการดังกล่าวชั่วคราว แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะกระทบต่อเศรษฐกิจบ้าง แต่เชื่อว่าจากข้อมูลด้านสาธารณสุขของภาครัฐที่มีอยู่ตอนนี้ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างอีกครั้งจนควบคุมไม่ได้ และเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่มีการล็อคดาวน์เหมือนที่เคยเกิดขึ้น เพราะเห็นได้ชัดแล้วว่าสร้างความเสียหายกับประเทศมหาศาล โดยประเมินจากช่วงกลางปี 64 ที่มีการล็อคดาวน์ว่าจะเสียหายราว 2-3 แสน ล้านบาทต่อเดือน
ด้านการท่องเที่ยว ขณะนี้มีการอนุมัติผู้เดินทางเข้าประเทศประมาณ 1.1 แสนคน ผ่านช่องทาง Sandbox และ Test & Go จากที่มีการขออนุมัติเข้าประเทศไว้แล้วทั้งหมด 2 แสนคน จึงเหลือคนที่จะเข้ามาอีก 9 หมื่นคน ในส่วนนี้จึงมีความจำเป็นที่ต้องดูแลติดตามก่อนปิดลงทะเบียน และคิดว่าจะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศ เพราะที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ไม่ได้มีจำนวนมากนัก
ส่วนปี 2565 ประเมินสถานการณ์ว่า ไตรมาส 1 อาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อยทยอยเข้าประเทศ และหากสถานการณ์โอมิครอนคลี่คลายลง จะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยคงคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ 5 - 6 ล้านคน
ขณะที่การจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รัฐบาลยังคงอนุญาตให้สามารถดำเนินการได้ โดยหอการค้าไทย ขอให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
"คงมิใช่หน้าที่ของภาครัฐเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ภาคเอกชน และประชาชน จะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่กระทบต่อความเชื่อมั่น จนนำไปสู่การยกเลิกการจัดกิจกรรมฉลองปีใหม่เหมือนที่หลายประเทศได้มีมาตรการออกมาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาบรรยากาศของประเทศเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพื่อให้กิจกรรมปีใหม่นี้เป็นไปได้อย่างราบรื่น" นายสนั่น ระบุ