นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม (คนต.) วานนี้ ได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินตามแผนการดำเนินงานระบบตั๋วร่วม ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย(KTB) ได้รายงานความคืบหน้าการนำบัตร Europay Mastercard and Visa (EMV) มาใช้ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมในรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และรถไฟชานเมือง สายสีแดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปได้ภายในเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานในรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด และระบบเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า รวมถึงระบบทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุม รับทราบผลการดำเนินการและมีมติเห็นชอบข้อเสนอแนะเพื่อการดำเนินการพัฒนาระบบตั๋วร่วมของคณะอนุกรรมการด้านการกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมองค์กร และคณะอนุกรรมการด้านการกำหนดมาตรฐานอัตราค่าโดยสารและการจัดสรรรายได้ โดยในด้านเทคนิค ให้ รฟม. ดำเนินการจัดทำระบบตั๋วร่วมในรูปแบบการผูกกับบัญชีที่ระบุตัวตนผู้โดยสาร หรือ Account Based Ticketing (ABT) กลาง ตามแนวทางการพัฒนาของระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วงในช่วงแรก และทำหน้าที่บริหารจัดการระบบตั๋วร่วมในช่วงการเปลี่ยนถ่ายระบบ หลังจากนั้นให้โอนถ่ายระบบไปยังหน่วยงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมกลาง ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... พร้อมเร่งพัฒนามาตรฐานบัตร และหัวอ่าน (Reader) ในรูปแบบ ABT และประเมินต้นทุนในการปรับปรุงระบบของผู้ให้บริการ (Operator) ต่าง ๆ
ด้านอัตราค่าโดยสารสำหรับเส้นทางที่อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานที่กำกับดูแลโดยกระทรวงคมนาคม (รฟม./รฟท.) ให้ดำเนินการเจรจาการปรับใช้โครงสร้างอัตราตั๋วร่วม สำหรับเส้นทางที่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินงานให้พิจารณาปรับปรุงเงื่อนไขสัญญา หรือการประมูลให้สอดคล้องกับโครงสร้างอัตราใหม่ สำหรับเส้นทางที่อยู่ระหว่างการวางแผนและการศึกษา ให้ดำเนินการปรับปรุงและพิจารณาวิเคราะห์และวางแผนโครงการในอนาคต โดยคำนึงถึงโครงสร้างอัตราตั๋วร่วม พิจารณาแนวทางในการจัดสรรรายได้ค่าโดยสาร และการเก็บค่าบริหารระบบกลางในสัญญาต่าง ๆ
รวมถึงติดตามการดำเนินการร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ให้เป็นไปตามกรอบข้อเสนอแนะ คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาว่า ปัจจัยแห่งความสำเร็จ (Key Success Factors) ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมแบบสมบูรณ์ ประกอบด้วย พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่สามารถบังคับใช้มาตรฐานระบบตั๋วร่วมกลาง โครงสร้างอัตราตั๋วร่วมทุกรูปแบบการเดินทางและการจัดสรรรายได้ การบังคับใช้ และการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายไปสู่ระบบที่สมบูรณ์ ทั้งในด้านงบประมาณและเทคโนโลยี การจัดตั้งระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House: CCH) เพื่อรองรับระบบตั๋วร่วมในรูปแบบ ABT เพื่อจัดการระบบบัตรโดยสารและบัญชีผู้ใช้งาน โดยระบบสามารถเปิดรองรับผู้ออกบัตรหลายรายทั้งปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งเชื่อมต่อกับระบบการชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบ และการจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการระบบตั๋วร่วมในรูปแบบที่สมบูรณ์ ทั้งทางด้านเทคนิค การกำกับดูแล และการพิจารณาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วม พร้อมทั้งได้นำเสนอ คนต. พิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานด้านเทคนิค จำนวน 3 คณะ และคณะทำงานด้านนโยบาย จำนวน 3 คณะ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของคณะอนุกรรมการฯ
นายศักดิ์สยาม ได้สั่งการเพิ่มเติม ให้ ธนาคารกรุงไทยพิจารณาความเหมาะสมในการนำระบบ EMV มาใช้กับทางพิเศษว่ามีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด พร้อมกันนี้ ให้ กทพ. พิจารณาแผนการดำเนินงานการติดตั้งระบบ EMV และระบบ M-Flow ให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อมิให้เกิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับการเก็บค่าผ่านทางพิเศษไปสู่ระบบ M-Flow ทั้งหมด
นอกจากนี้ ให้คณะอนุกรรมการฯ จัดทำ Action Plan เกี่ยวกับ Key Success Factors ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วม เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานให้เกิดเป็นรูปธรรม และการจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ให้ศึกษาตัวอย่างจากประเทศที่ประสบความสำเร็จมาเป็นต้นแบบในการดำเนินงาน
อีกทั้ง ให้ สนข. ทบทวนร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ที่ได้มีการศึกษาไว้แล้วว่าสามารถนำมาปรับใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันได้หรือไม่ ก่อนนำเสนอ คนต. ในการประชุมครั้งต่อไป และให้ สนข. ร่วมกับคณะอนุกรรมการฯ ศึกษามาตรฐานหลักเกณฑ์โครงการระบบขนส่งทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (MRT Assessment Standardisation) ให้มีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบัน, ให้ สนข. และคณะอนุกรรมการฯ ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนเป็นระยะ เพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานระบบตั๋วร่วมของกระทรวงคมนาคม
รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการฯ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป