นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 64 เป็นครั้งแรกที่ตลาดคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ไม่ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ติดต่อกัน 2 ไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 2/64 ถึงไตรมาส 3/64 แม้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมในย่านมิดทาวน์และชานเมืองจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อยู่บ้าง แต่ก็ยังน้อยกว่าระดับปกติ จำนวนยูนิตของคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ที่มีเพียง 11,760 ยูนิต ลดลง 72% จากปี 62 และลดลง 37% จากปี 63
โดยมองว่าคนมีความต้องการเพิ่มพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลาย รวมถึงการอยู่อาศัยในชุมชนที่มีความหนาแน่นต่ำ ทำให้โครงการบ้านแนวราบได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการบางรายมีจำนวนบ้านพร้อมขายไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อ การพัฒนาโครงการใหม่และปรับการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อรายใหม่นั้นอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีก่อนที่จะเปิดตัว หรืออาจนานกว่านั้นหากผู้พัฒนาโครงการจำเป็นต้องซื้อที่ดินด้วย
ส่วนตลาดค้าปลีก หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนส.ค. 64 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคตกลงมาสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 41 เป็นผลมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นและส่งผลกระทบทางการเงินในเชิงลบ รวมถึงการที่ธุรกิจหยุดชะงักและไม่มีสัญญาณที่แสดงถึงการปรับตัวดีขึ้นในตลาด สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ส่งผลให้ผู้ค้าปลีกจำนวนมากต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง ทำให้เห็นรูปแบบการค้าปลีกที่มีความยืดหยุ่นและขนาดเล็กลง เช่น ฟู้ดทรัค คลาวด์คิทเช่น และป๊อปอัป สโตร์ ได้ทั่วไปในกรุงเทพฯ
ด้านตลาดโรงแรมถือเป็นตลาดที่มีความสร้างสรรค์มากที่สุดในแง่ของการปรับให้เข้ากับมาตรการข้อจำกัดและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป จากที่มีการเปลี่ยนจากการเข้าสถานที่กักตัวทางเลือก (ASQ) ไปเป็นระบบเทสต์ แอนด์ โก (Test and Go) หรืออื่นๆที่จะต้องปรับตัวตามสถานการณ์โควิด เนื่องจากต้องเปลี่ยนไปเป็นตลาดที่พึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศเกือบทั้งหมด การเข้าพักแบบ Staycation โปรโมชั่นและแพ็คเกจสำหรับคนไทยถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการที่จะพยายามดึงอัตราการเข้าพักให้กลับมาดีขึ้น จากข้อมูลของ STR อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวันจากห้องที่ขายได้จริง (ADR) ของโรงแรมในกรุงเทพฯลงไปต่ำกว่า 2,000 บาท/ห้อง/คืน เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่าทศวรรษเมื่อเดือนมี.ค. 64 และเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย. 64
นอกจากธุรกิจต่างๆไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติมาเกือบ 2 ปีแล้ว ทำให้ตลาดอาคารสำนักงานได้รับผลกระทบอย่างมากจากการลดขนาดพื้นที่และการย้ายพื้นที่ของผู้เช่าที่ถูกผลกระทบทางฌศรษฐกิจ ซึ่งมากกว่าปี 63 ปริมาณการใช้พื้นที่สำนักงานใหม่ที่เปรียบเทียบในแต่ละปีนั้นติดลบเป็นระยะเวลา 3 ไตรมาสติดต่อกันในปีนี้ รวมติดลบ 80,026 ตารางเมตร และไม่ได้เห็นการตัวเลขติดลบเช่นนี้ในตลาดสำนักงานในกรุงเทพฯมาตั้งแต่วิกฤตการเงินช่วงปี 41
"ในปี 63 เราต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 อีกระลอกหนึ่งก่อนช่วงเทศกาลวันหยุดสิ้นปี ความกังวลเกี่ยวกับสายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้กระตุ้นให้รัฐบาลและภาคธุรกิจต่างต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะตอบสนองต่อความไม่แน่นอนนี้อย่างไร ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อจัดการกับสถานการณ์และทิศทางของตลาดที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้" นายรัฐวัฒน์ กล่าว