นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมเชื้อเพลิงฯได้พยายามเร่งการอนุมัติคำขอสัมปทานสำรวจและผลิตแหล่งปิโตรเลียมตามประกาศเชิญชวนยื่นขอรับสัมปทานแหล่งผลิตปิโตรเลียมครั้งที่ 20 จำนวน 28 แปลง ซึ่งขณะนี้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไปแล้ว 4 ราย เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันสำเร็จรูปทะลุระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลไปแล้ว ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็จ่อที่จะแตะระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรลแล้ว ซึ่งนับว่าคุ้มค่าที่ไทยจะลงทุนในขณะนี้
ล่าสุดมีคำขอสัมปทานอีก 10 แปลงที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกฎหมายแล้ว และกำลังรอเข้าพิจารณาในคณะกรรมการปิโตรเลียมเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป ส่วนที่เหลืออีก 14 แปลงก็จะพยายามเร่งให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือร่วมกับกรมการพลังงานทหาร กระทรวงกลาโหมในการเปิดสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งปิโตรเลียมที่อยู่ในพื้นที่ของทหาร ซึ่งกระจายอยู่ในบริเวณภาคเหนือเช่น น่าน แพร่ ลำพูน พะเยา เชียงใหม่ และเชียงราย โดยมีความเป็นไปได้ที่กรมการพลังงานทหารจะไปยื่นขอสัมปทานในรอบ 21 หรืออาจจะเป็นผู้ดำเนินการเองก็ได้ เพราะปัจจุบันมีศักยภาพในการผลิตประมาณ 1 พันบาร์เรลต่อวัน
ด้านพลโทสุรัตน์ สัมฤทธิ์ ที่ปรึกษากรมการพลังงานทหาร กล่าวว่า ทางกรมฯมีข้อตกลงร่วมกับ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)เพื่อทำการสำรวจพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมในบริเวณภาคเหนือเพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ในอำเภอฝาง จ.เชียงใหม่ จำนวนทั้งหมด 7 หลุม ซึ่งขณะนี้มีการเจาะสำรวจไปแล้ว 3 หลุม และคาดว่าจะมีการเจาะสำรวจเพิ่มเติมอีก 3-4 หลุมในเร็วๆนี้ ซึ่งการสำรวจเพิ่มครั้งนี้จะทำให้ปริมาณสำรองของแหล่งผลิตปิโตรเลียมในอำเภอฝางทั้ง 7 หลุมเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 ล้านบาร์เรล จากเดิมที่มีกำลังสำรองอยู่ 3 ล้านบาร์เรล
สำหรับการประกาศเชิญชวนยื่นขอสัมปทานแหล่งผลิตปิโตรเลียมครั้งที่ 20 จำนวน 65 แปลง มีการยื่นคำขอเข้ามาทั้งหมด 28 แปลง 48 คำขอ แบ่งเป็นแปลงบนบก 20 แปลง และในอ่าวไทยอีก 8 แปลง โดยเปิดประกาศเชิญชวนตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.50- พ.ค.51
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--