นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 65 กรมฯ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อนำไปใช้สิทธิลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีตามความตกลง RCEP ยืนยันความพร้อมในการบริการ เพื่อให้ผู้ส่งออกไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP ได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยได้นำนวัตกรรมมาใช้ในการออกแบบระบบการขอรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form RCEP ซึ่งเป็นการยกระดับการให้บริการให้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา
สำหรับระบบการให้บริการออก Form RCEP ที่กรมฯ ได้พัฒนาขึ้น เป็นการนำลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ของเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการ (Electronic Signature and Seal: ESS) มาพิมพ์ลงบน Form RCEP แทนการลงลายมือชื่อและประทับตราด้วยมือ ช่วยให้สามารถลดระยะเวลารับบริการเหลือเพียงไม่เกิน 10 นาทีต่อฉบับ
นอกจากนี้ ยังใช้รูปแบบการพิมพ์ Form RCEP ลงบนกระดาษ A4 รูปแบบพิเศษที่สามารถป้องกันการปลอมแปลง และมีการเพิ่ม QR Code เพื่อยืนยันความถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดการตรวจสอบย้อนกลับจากศุลกากรปลายทาง เพื่อให้มั่นใจว่า Form RCEP ดังกล่าวออกโดยกรมการค้าต่างประเทศและมีข้อมูลถูกต้อง ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าไทย และช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ระบบการให้บริการออก Form RCEP เป็นส่วนหนึ่งของ 1 ใน 118 รายการของบริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวของกระทรวงพาณิชย์ (MOC Online One Stop Service) ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์
นายพิทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ Form RCEP จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการไทย เนื่องจากตลาด RCEP มีขนาดใหญ่และมีขนาดเศรษฐกิจรวมกันมากกว่า 1 ใน 3 ของโลก ซึ่งจะช่วยผลักดันการส่งออกของไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยที่มีการนำเข้าสินค้าที่เป็นวัตถุดิบจากประเทศสมาชิกในกลุ่ม RCEP เพื่อนำมาผลิตเป็นสินค้าไทยโดยใช้กฎการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าและส่งออกไปยังประเทศสมาชิกในกลุ่ม RCEP เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี ณ ประเทศปลายทาง
ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการไทยสามารถเลือกใช้วัตถุดิบที่มีความหลากหลาย และสามารถนำมาสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าได้จากทุกประเทศที่เป็นสมาชิกในกลุ่ม RCEP ซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนในการผลิตและสร้างแต้มต่อให้แก่ในตลาดต่างประเทศ
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก RCEP ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 64 (ม.ค.-พ.ย.) คิดเป็น 2.97 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 9.38 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60.7% ของมูลค่าการค้าของไทยทั้งหมด