กฟผ.แนะชาวบ้านเลิกขวางโรงไฟฟ้า ห่วงไทยเสียโอกาสหลังต้องหนีไปลงทุนตปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 5, 2007 11:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เผยเป็นห่วงกำลังการผลิตไฟฟ้าในอนาคตอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นมาก หล้งเกิดกระแสต่อต้านจนไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทำให้ต้องจัดเตรียมแผนรองรับด้วยการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแทน
นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวว่า เป็นห่วงว่าในอนาคตการผลิตกระแสไฟฟ้าจะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 1,400-1,500 เมกะวัตต์ เนื่องจากมีกระแสต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า โดย กฟผ.ได้เตรียมแผนรองรับด้วยการออกไปลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้านและรับซื้อไฟฟ้ากลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะทำให้ไทยเสียโอกาสในเรื่องการจ้างงาน การสร้างรายได้เข้าประเทศ รวมถึงอาจทำให้ค่าไฟฟ้าปรับสูงขึ้น
ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนยอมรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ทำให้มลพิษจากโรงไฟฟ้าลดลง ซึ่งในอนาคตจะต้องมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ ทั้งถ่านหิน หรือ พลังงานนิวเคลียร์ แทนการใช้ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันเตา เนื่องจากมีราคาสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่มีความผันผวน
ก่อนหน้านี้ คณรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้ กฟผ.จัดตั้ง บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อไปลงทุนโครงการด้านพลังงานในต่างประเทศ โดยโครงการแรกที่จะลงทุน คือ โครงการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนน้ำเงี๊ยบในประเทศลาว ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 600 เมกะวัตต์ โดย กฟผ.อินเตอร์จะถือหุ้น 30% รัฐบาลลาวถือหุ้น 20% และบริษัท คันไซ จากญี่ปุ่น ถือหุ้น 50%
นอกจากนี้ ยังมีโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการเจรจา เช่น โครงการเขื่อนพลังงานน้ำฮัดจี ประเทศพม่า ถือหุ้นกับรัฐวิสาหกิจจากประเทศจีน ฝ่ายละ 50%, โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในเกาะกง ประเทศกัมพูชา ขนาด 2,000 เมกะวัตต์, โครงการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนในประเทศภูฎาน กำลังการผลิตประมาณ 400-600 เมกะวัตต์, การลงทุนโครงการเหมืองถ่านหินที่ประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ