นายสัญชัย คูเอกชัย ผู้อำนวยการและหัวหน้าส่วนงานวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้ม ทิศทางตลาดคอนโดมิเนียมหัวหินในปี 65 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ยังคงรอดูสถานการณ์และชะลอการเปิดตัวโครงการหรือพัฒนาโครงการใหม่
อย่างไรก็ตาม คอนโดบริเวณติดทะเลมีจำนวนหน่วยขายค่อนข้างน้อยและมีแนวโน้มที่ราคาขายจะปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่โครงการบริเวณโซนชะอำอาจจะต้องใช้เวลาในการระบายหน่วยเหลือขายในบางโครงการที่ราคาอาจจะปรับลง เนื่องมาจากอายุของคอนโดมิเนียม แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลในแง่ลบกับตลาดคอนโดมิเนียมในบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า
ในทางกลับกันยังส่งผลให้กลุ่มคนในกรุงเทพฯมีความสนใจคอนโดมิเนียมในบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ของโลกอย่างโรคระบาดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เพราะกลุ่มผู้ซื้อมองว่าเป็นสถานที่ที่สามารถหลีกเลี่ยงโรคระบาดได้ดีกว่ากรุงเทพฯ ส่งผลให้ความต้องการของตลาดคอนโดมิเนียมในบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า มีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตหลังจากระบาดโควิด-19 ผ่านไป
ด้านภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในบริเวณพื้นที่ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่าในช่วงครึ่งปีหลัง 64 ยังคงชะลอตัวทั้งในแง่อุปทานและอุปสงค์จากการสำรวจพบว่าจำนวนโครงการที่เปิดขายใหม่ทั้งปีมีเพียง 2 โครงการ และผลจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ผ่านมาในตลอด 2 ปีส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ยังคงรอดูสถานการณ์ในการเปิดตัวโครงการหรือพัฒนาโครงการใหม่ แม้ว่าหัวหินยังคงเป็นที่สถานที่พักตากอากาศที่นิยมมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนในกรุงเทพฯก็ตาม แต่ยอดขายคอนโดมิเนียมยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก
ในด้านอุปทานสะสมของคอนโดมิเนียมบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า ก่อนปี 51 ถึงครึ่งปีหลัง 64 มีจำนวนทั้งสิ้น 28,055 หน่วย โดยในครึ่งปีหลัง 64 มีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ จำนวน 1 โครงการ ประมาณ 136 หน่วย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ซอยหัวหิน 94 อุปทาน คอนโดมิเนียมโดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชะอำคิดเป็นอัตราส่วน 58% รองลงมาคือบริเวณเขาเต่าและเขาตะเกียบมี 13% และ 11% ตามลำดับ
อุปทานคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในบริเวณหัวหินคิดเป็นอัตราส่วน 10% ส่วนคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในบริเวณเขาฝั่งไม่ติดทะเลคิดเป็นอัตราส่วน 8% โดยคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลคิดเป็น 55% และคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลคิดเป็นอัตราส่วน 45% ของอุปทานทั้งหมด
ส่วนอุปสงค์ในครึ่งปีหลัง 64 คอนโดมิเนียมบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า มีหน่วยขายแล้วทั้งสิ้น 20,571 หน่วย จากอุปทานทั้งหมด 28,055 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ 73% โดยอัตราการขายค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งในครึ่งปีหลัง 64 มีหน่วยขายได้เพียง 154 หน่วย รวมจำนวนหน่วยที่ขายได้ทั้งปี มีจำนวน 380 หน่วย โดยจากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลพบว่า ภาพรวมจำนวนหน่วยเหลือขาย ณ ธ.ค. 64 มีจำนวนประมาณ 7,484 หน่วย โดยแบ่งเป็นโครงการที่เปิดมานานเกิน 5 ปี และยังมีห้องเหลือขายอยู่ถึงประมาณ 3,200 หน่วย หรือประมาณ 50% ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด
โดยกลุ่มผู้ซื้อหลักในปัจจุบันเป็นกลุ่มคนไทยที่อยู่กรุงเทพถึง 90% และกลุ่มคนไทยต่างจังหวัดอีกประมาณร้อยละ 5 และมีชาวต่างชาติ 5% ซึ่งเป็นกลุ่มวัยเกษียณในกลุ่มประเทศ สแกนดิเนเวีย นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส โดยชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในหัวหินจะนิยมซื้อบ้านหรือวิลล่ามากกว่าเนื่องจากค่อนข้างมีความสงบและเป็นส่วนตัวเพราะอยู่อาศัยเป็นระยะเวลานาน
คอนโดมิเนียมบริเวณเขาตะเกียบมีอัตราการขายสูงสุดในสัดส่วน 96% รองลงได้แก่คอนโดมิเนียมบริเวณเขาเต่าและฝั่งไม่ติดทะเลมีอัตราการขายที่ 95% และ 90% ตามลำดับ ในส่วนอัตราการขายบริเวณหัวหินและชะอำมีอัตราการขายที่ 83% และ 60% ตามลำดับ โดยบริเวณชะอำเป็นบริเวณที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายสูงสุดคือ 6,468 ซึ่งมีอุปทานเหลือขายประมาณ 40% ของอุปทานที่เหลือขายทั้งหมด
ปัจจุบันที่ดินติดทะเลบริเวณหัวหินที่จะพัฒนาโครงการแทบไม่มีเหลือแล้ว ในส่วนของที่ดินที่ยังมีเหลือสำหรับการพัฒนาโครงการจะอยู่บริเวณชะอำ แต่พื้นที่ในบริเวณโซนชะอำยังเป็นที่นิยมน้อยกว่าหัวหินเนื่องจากอยู่ค่อนข้างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกหากเทียบกับคอนโดมิเนียมในหัวหิน ในส่วนพื้นที่บริเวณฝั่งภูเขาที่ไม่ติดทะเลยังมีพื้นที่เหลือให้พัฒนาโครงการอีกมากและน่าจะเป็นที่สนใจของนักลงทุนเนื่องจากอยู่โซนเขตตัวเมืองหัวหินและเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ
ส่วนราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้มีระดับราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 141,670 บาท/ตารางเมตร ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% จากครึ่งปีแรก 64 โดยโครงการใหม่ที่เห็นวิวทะเลมีระดับราคาขายต่อห้องเฉลี่ยสูงถึง 250,000 บาท/ตารางเมตร ส่วนราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้มีระดับราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70,700 บาท/ตารางเมตร ราคาขายค่อนข้างทรงตัวและลดลงมาเล็กในอัตรา 0.1% จากครึ่งปีแรกของปี 64 เนื่องจากโครงการที่ยังมีห้องว่างเหลือขายเกิน 50% ซึ่งอยู่บริเวณโซนชะอำ ผู้ประกอบการยังคงจัดโปรโมชั้นและส่วนลดอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดการขายโครงการ