อินโดนีเซียหวั่นราคาน้ำมันพุ่งอาจทำให้เศรษฐกิจในประเทศปี 2551 ซบเซา

ข่าวต่างประเทศ Wednesday November 7, 2007 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          มารี ปังเกสตู รัฐมนตรีกระทรวงการค้าอินโดนีเซียกล่าวว่า ราคาน้ำมันโลกที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และผลกระทบจากเศรษฐกิจของสหรัฐที่ชะลอตัว อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในปี 2551 ลดลง
ปังเกสตูกล่าวในที่ประชุมสัมนาเศรษฐกิจว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไว้ที่ระดับ 6.8% ในปี 2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คนอื่นๆคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตจะอยู่ต่ำกว่าระดับ 6.2%
"อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่เกี่ยวพันกับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และดิฉันคิดว่าผลกระทบใหญ่ๆของเราก็คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมถึงการส่งออกและแนวโน้มการลงทุนด้วย" เธอกล่าว
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2550 อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น แตะระดับที่ 6.3% สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล อัตราการบริโภคและการลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ
"เอกชนควรพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานตามที่ได้สัญญาเอาไว้" เธอกล่าวโดยอ้างกลุ่มธุรกิจต่างๆที่สัญญาจะพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคโดยอ้างแผนของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาระบบการคมนาคมขนส่งและโรงไฟฟ้าที่ขัดข้องและล้าสมัยของอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ การจัดสรรเงินสนับสนุนโครงสร้างสาธารณูปโภค รวมถึงสาธารณสุขและการศึกษา คาดว่า จะเพิ่มขึ้นในช่วงปีงบประมาณหน้า
"โครงการสาธารณูปโภค ตลอดจนสาธารณสุขและการศึกษาจำเป็นต้องได้รับการสนับสุนนอย่างจริงจัง เพราะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และโอกาสในการจ้างงาน และนี่ก็เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ที่สำคัญที่เราจะต้องเดินหน้าให้บรรลุผลสำเร็จในปีหน้า นอกเหนือจากโครงการปฏิรูปเศรษฐกิจต่างๆ" เธอกล่าว ธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ