สำนักงานพลังงานสากล(IEA) เปิดเผยว่า จีนจะกลายเป็นประเทศผู้แพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) มากที่สุดแซงหน้าสหรัฐในปีนี้ และในอีก 3 ปีข้างหน้าจีนจะมีอัตราการใช้น้ำมันมากที่สุดในโลก
โนบูโอะ ทานากะ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของ IEA กล่าวถึงรายงานด้านแนวโน้มพลังงานโลกว่า จีนจำเป็นต้องทุ่มเงินลงทุนประมาณ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตพลังงานเพื่อให้สามารถรองรับอุปสงค์ได้อย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันและก๊าซที่พุ่งสูงขึ้นทำให้การผลิตถ่านหินมีอัตราการแข่งขันสูงขึ้น ขณะที่การใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นยิ่งทำให้จีนมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงขึ้นตามมา โดยรายงานของ IEA ตั้งข้อสังเกตว่า จีนกลายเป็นประเทศผู้นำเข้าถ่านหินสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และคาดว่าจะนำเข้าถ่านหินเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการประเมินว่ายอดนำเข้าน้ำมันสุทธิของจีนจะพุ่งขึ้นจากระดับ 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2549 ขึ้นมาแตะที่ 1.31 หมื่นล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2573 และคาดว่า ยอดขายยานพาหนะใหม่จะพุ่งขึ้นแซงหน้ายอดขายจากตลาดสหรัฐในปี 2558
ด้านเฟธ ไบรอล นักวิเคราะห์จาก IEA กล่าวว่า จีนต้องใส่ใจต่อการใช้พลังงานอย่างมีคุณค่ามากขึ้นโดยชี้ว่า "มาตรฐานการใช้งานของตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศอาจใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 83 เทราวัตต์ต่อปี ซึ่งมีอัตราเทียบเท่ากับการผลิตกระแสไฟฟ้ารายปีจากเขื่อนซานเสีย (Three Gorges Dam) เลยทีเดียว"
ทั้งนี้ทานากะกล่าวว่า จีนควรดูตัวอย่างจากประเทศสมาชิกของ IEA รายอื่นๆเพื่อเป็นแนวทางในการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า พร้อมกับย้ำถึงการที่ IEA ให้คำแนะนำด้านการกำหนดนโยบายทางพลังงานแก่รัฐบาลในหลายๆประเทศ ซึ่งรวมถึงจีนที่ควรดำเนินการตามแผนการดังกล่าว เพื่อลดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดปริมาณการบริโภคพลังงานโดยเร็ว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--