นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการและโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) การพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวถึงปัญหาเนื้อหมูราคาแพงและขาดตลาดว่า จากปัญหาโรคระบาดที่เกิดขึ้น พบว่าปริมาณหมูที่เข้าสู่ตลาดหายไป 30 - 40% ทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ปัญหาสำคัญ คือ เกษตรกรรายย่อยและรายกลางล้มหายตายจาก หลังจากเจอโรคระบาดและไม่กล้าเลี้ยงลูกหมู เพราะไม่สามารถมีมาตรการควบคุมโรคได้ดีเท่ากับเกษตรกรรายใหญ่ที่มีฟาร์มแบบปิด
ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรทำเร่งด่วน คือ การสร้างหลักประกันความเสี่ยง หากเกษตรกรรายย่อยและรายกลาง กลับมาเลี้ยงรอบใหม่ และเจอโรคระบาด รัฐบาลต้องรับประกัน และมีการชดเชยให้เกษตรกร นอกจากมาตรการที่หาทุนให้เกษตรกรอย่างเดียว โดยรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งแก้ปัญหา และต้องทำทันที รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย
"เข้าใจว่า กรมปศุสัตว์ได้รับทราบถึงโรคระบาด และพยายามควบคุมโรคในวงจำกัด ไม่ให้เกษตรกรและประชาชนได้รับผลกระทบ แต่รายละเอียดต้องให้กรมปศุสัตว์ชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ อีกครั้งว่าได้ดำเนินการอย่างไร หลังจากที่รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มเกษตรกร โดยสัปดาห์หน้าเมื่อมีการประชุมสภาฯ ผมจะนำเรื่องเข้ากรรมาธิการฯ เพื่อติดตามปัญหา เป็นเรื่องแรกที่ต้องพิจารณาเร่งด่วน" นายอัครเดช กล่าว
นายอัครเดช กล่าวว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ได้พากลุ่มผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออก เข้าพบอธิบดีกรมปศุสัตว์ เพื่อแจ้งถึงปัญหาที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรเจอ คือ โรคระบาด แต่ไม่มั่นใจว่าเป็นโรคระบาดชนิดใด เพื่อให้กรมปศุสัตว์แก้ปัญหา ไม่ให้ผู้เลี้ยงสุกรเสียหายและกระทบไปยังประชาชน และในเดือนธันวาคม 2564 ได้รับข้อมูลจากกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรว่า จากเดือนดังกล่าวอีก 5-6 เดือน ปริมาณเนื้อหมูในตลาดจะมีจำนวนน้อยลงและเนื้อหมูจะขาดตลาด และในเดือนมกราคม 2565 ปัญหาที่เกษตรกรเคยเตือนเกิดขึ้นจริง
"ขอเรียกร้องให้กรมปศุสัตว์ชี้แจงให้ชัดเจน จากข้อมูลทางวิชาการที่พบว่ามีโรคระบาดในสุกรเกิดขึ้นจริง แต่กลับไม่มีการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง" นายอัครเดช กล่าว