นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เปิดเผยว่า นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรม จะเป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปชักจูงการลงทุน ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างญี่ปุ่นและไทยในทศวรรษหน้านี้ (2551 — 2560) ระหว่างวันที่ 14 - 17 พ.ย.นี้
ทั้งนี้ บีโอไอมีเป้าหมายที่จะให้เกิดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และกลุ่มที่ยังไม่มีการลงทุนในประเทศไทย อาทิ การผลิตเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง เกียร์รถยนต์ การขยายฐานการวิจัยและพัฒนา ศูนย์การออกแบบของอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ในไทย รวมทั้งการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ เช่น ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ภายในรถยนต์ (ECU) นอกจากนี้ ยังต้องการให้มีการลงทุนในการผลิตวัตถุดิบต้นน้ำ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“การชักจูงการลงทุนในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นโอกาสครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น เพิ่งมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบีโอไอพร้อมที่จะให้การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในไทย และมั่นใจว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ญี่ปุ่นจะขยายการลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น" นายสาธิตกล่าว
นอกจากนี้ การเดินทางไปชักจูงการลงทุน ณ กรุงโตเกียว จะมีการจัดสัมมนาใหญ่ เรื่อง หุ้นส่วนภาคอุตสาหกรรม ญี่ปุ่น-ไทย ในทศวรรษหน้า" (Japan-Thailand Industrial Partnership in the next Decade) โดยนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรมจะกล่าวปาฐกถาเปิดงาน ร่วมกับรมช.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ของญี่ปุ่น (Ministry of Economy, Trade and Industry)
และมีการเสวนาเชิงอภิปราย โดย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการบีโอไอ พร้อมด้วยประธานหอการค้าญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (Japanese Chamber of Commerce, Bangkok) และประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (กรุงเทพฯ) (Japan External Trade Organisation, Bangkok) ซึ่งมีนักธุรกิจชั้นนำของญี่ปุ่นตอบรับเข้าร่วมสัมมนาแล้ว กว่า 500 คน
พร้อมกันนี้ คณะชักจูงการลงทุน จะได้พบปะหารือกับบริษัทชั้นนำในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น เพื่อพูดคุยถึงโอกาสและลู่ทางการลงทุนในประเทศไทย ตลอดจนความพร้อมและการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยด้วย
ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในไทยมากที่สุด หรือประมาณร้อยละ 45 ของการลงทุนจากต่างประเทศ โดยโครงการลงทุนจากญี่ปุ่นที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนตั้งแต่ปี 2513 จนถึงปี 2549 มีจำนวนกว่า 4,000 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานคนไทยประมาณ 846,000 คน โดยอุตสาหกรรมที่นักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ การผลิตเครื่องจักร และโลหะ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--