นักวิเคราะห์ชี้ว่า การขายหุ้นส่วนหนึ่งของเทมาเส็ก โฮลดิ้งที่ถืออยู่ในแบงค์ ออฟ ไชน่า นั้น อาจจะมีเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังที่มากไปกว่าเรื่องการเก็งกำไร และอาจจะเป็นสัญญาณหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนของแบงค์ ออฟ ไชน่า (BOC) และแบงค์จีนที่ลงทุนในตลาดสินเชื่อเพื่อการปล่อยกู้เพื่อการจำนองแก่ลูกค้าที่ขาดความน่าเชื่อถือ (ซับไพรม์) ในสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า อู้ ยงกัง นักวิเคราะห์ของกัวไถ่ จูนาน ซิเคียวริตี้ส์ กล่าวว่า นักลงทุนควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องภาวะขาดทุนในช่วงที่วิกฤติซับไพรม์ยังไม่สิ้นสุดลง รวมทั้งการขาดทุนอันเนื่องมาจากสกุลเงินที่เชื่อมโยงกับการแข็งค่าของค่าเงินหยวน เนื่องจากแบงค์ ออฟ ไชน่า มีแหล่งรายได้จำนวนมากมาจากต่างประเทศ การขายหุ้นของเทมาเส็กอาจจะบ่งชี้ถึงมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นต่ออุตสาหกรรมการธนาคารของจีน
ด้านฉี หมิงฮัว นักวิเคราะห์ของไชน่า ซิเคียวริตี้ส์ รีเสิร์ช กล่าวว่า เทมาเส็กอาจจะมีเป้าหมายอื่นๆมากกว่าขายทำกำไรในช่วงที่หุ้นของแบงค์ออฟไชน่ามีค่าต่ำเกินจริง และอาจจะเป็นเรื่องของมุมมองที่อนุรักษ์นิยมมากๆที่มีต่อสถานการณ์ของแบงค์จีนที่เริ่มจะได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ หุ้นของแบงค์ ออฟ ไชน่า ร่วงลงเมื่อเทียบกับหุ้นแบงค์จีนอื่นๆ
เทมาเส็กได้ยืนยันการขายหุ้นในแบงค์ออฟไชน่าซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงผ่านทางบริษัทในเครือคือ เอเชียน ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ จำนวน 1.08 พันล้านดอลลาร์
ก่อนที่จะขายหุ้นแบงค์ ออฟ ไชน่า เทมาเส็กมีหุ้นแบงค์ออฟไชน่าอยู่ 11.792 พันล้านหุ้น หรือประมาณ 15.5% ของหุ้น 7.6 หมื่นล้านหุ้นที่แบงค์ขายในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยเทมาเส็กเป็นผู้ถือหุ้นต่างชาติรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของแบงค์ ออฟ ไชน่า
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--