นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้มีมติยกเลิกการลงทะเบียนตามมาตรการ Test&Go ชั่วคราว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 64 ว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอนเห็นได้ชัดว่าดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากรัฐบาลได้มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดและเคร่งครัดในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการยกเลิกมาตรการ Test&Go ภาคท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมากที่สุด ซึ่งมาตรการ Test&Go ถือเป็นมาตรการที่ช่วยผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวให้กลับมาฟื้นตัวได้ดี โดยนับตั้งแต่มีการเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 64 ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทันทีจากมาตรการดังกล่าว จากเดิมเฉลี่ย 15,000 คน/เดือน สูงขึ้นถึง 218,788 คน ในเดือนธ.ค. 64 ทำให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและบริการมีเงินหมุนเวียน
หอการค้าไทย ประเมินว่าหากไม่มีการยกเลิก Test&Go แม้จะมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในต่างประเทศ ในช่วงเดือนม.ค. น่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 100,000-200,000 คน แต่จากข้อมูลล่าสุด มีนักเดินทางผ่านมาตรการภูเก็ต Sandbox ได้ประมาณ 20,000 คน ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แสดงว่านักเดินทางที่คาดว่าจะเข้ามาหายไปถึง 80,000-180,000 คน
นายสนั่น กล่าวว่า หากประเมินการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปของนักท่องเที่ยวที่ 50,000 บาท/คน จะเป็นเม็ดเงินที่หายไปเฉลี่ยต่อเดือน 5,000-9,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้กระทบทั้งภาคการท่องเที่ยวและบริการ รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้วย โดยจะกระทบต่อการจ้างงานที่เพิ่งจะกลับมาทำงาน รวมถึงเสียโอกาสด้านการท่องเที่ยวที่ประเทศอื่น ที่พร้อมกว่าจะชิงโอกาสช่วงนี้ดึงนักท่องเที่ยวไป
ทั้งนี้ หอการค้าไทย ได้รับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ พบว่า ผู้ประกอบการมีข้อเสนอให้รัฐบาลเร่งพิจารณานำมาตรการ Test&Go กลับมาดำเนินการอีกครั้ง โดยสามารถปรับปรุงกระบวนการให้เหมาะสมกับสถานการณ์แพร่ระบาดเวลานี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงเสนอให้มีการตรวจ RT-PCR ก่อนการเดินทางเพิ่มอีก เป็น 5 วัน และ 3 วัน ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย
ปัจจุบันหลักเกณฑ์ในการเข้าประเทศแบ่งออกเป็น 2 ประการสำคัญ คือ 1. ต้องฉีดวัคซีนครบตามที่สาธารณสุขกำหนด และ 2. ต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางไม่กิน 72 ชม. (3 วัน) ซึ่งหากมีการเพิ่มการตรวจ RT-PCR อีกครั้ง ก่อนการเดินทาง 5 วัน จะเป็นมาตรการที่เข้มข้นมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ และเหมาะสมพอควรกับสถานการณ์ที่ประชาชนบางส่วนยังมีความกังวล
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากการระบาดในปัจจุบัน เกือบทั้งหมดมาจากภายในประเทศทั้งสิ้น ดังนั้น การเปิด Test&Go และเพิ่มการตรวจก่อนการเดินทางอีกครั้ง น่าจะเพียงพอกับการสร้างความเชื่อมั่น ทำให้ภาคการท่องเที่ยวและบริการสามารถเดินหน้าต่อได้
สำหรับมาตรการในพื้นที่ Sandbox ที่ปัจจุบันต้องกักตัวในพื้นที่ 7 วัน หากสถานการณ์การระบาดคลี่คลายลง ภาคเอกชนก็เสนอให้ลดจำนวนวันกักตัวลงเป็นลำดับ เช่น ลดเหลือ 3-5 วัน เพื่อให้นักเดินทางสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ เกิดการกระจายรายได้
"หอการค้าไทยให้ความสำคัญกับมาตรการด้านสาธารณสุข ที่ต้องควบคู่กับการเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศนี้ จะช่วยเสริมจากการท่องเที่ยวในประเทศ สอดคล้องกับมาตรการของภาครัฐที่มีแผนดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ซึ่งจะเปิดสิทธิเพิ่มตามข้อเสนอของภาคเอกชนด้วย" นายสนั่น กล่าว