นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้ขอให้ผู้ผลิตสินค้ากลุ่มยางรถยนต์และแบตเตอรี่ยื่นรายละเอียดต้นทุนราคาสินค้าและปรับปรุงข้อเสนอในการปรับขึ้นราคามาให้พิจารณาใหม่ โดยให้แจกแจงรายละเอียดต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้กรมการค้าภายในได้พิจารณา ส่วนการอนุมัติให้ปรับราคาขึ้นคงจะเป็นช่วงหลังปีใหม่ไปแล้วโดยจะใช้หลักการเดียวกันนี้กับสินค้ารายการอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้สินค้ายางรถยนต์มีกำลังการผลิตประมาณ 20 ล้านเส้น/ปี ใช้ในประเทศ 15 ล้านเส้น ส่งออก 5 ล้านเส้น ต้นทุนการผลิต คือ ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์มีราคาเพิ่มขึ้นมาก โดยยางธรรมชาติเมื่อปี 47 ราคา 46.76 บาท/กก. แต่ปีนี้ราคา 78.50 บาท/กก. เพิ่มขึ้นถึง 67.8% ส่วนยางสังเคราะห์เมื่อปี 47 ราคา 137 บาท/กก. ขณะที่ปีนี้ราคา 155.60 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 12.8%
ส่วนสินค้าแบตเตอรี่ มีกำลังการผลิต 9.5 ล้านลูก/ปี ใช้ในประเทศ 8 ล้านลูก ส่งออก 1.5 ล้านลูก มีต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยตะกั่วบริสุทธ์ ราคาปรับขึ้นจากตันละ 1,048 เหรียญสหรัฐในปี 47 เพิ่มเป็นตันละ 3,743 เหรียญในปี 50 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 257% และตะกั่วผสมราคาเพิ่มขึ้นจาก 41.30 บาท/กก. เป็น 71.70 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 73.6%
อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับขึ้นราคาสินค้าทั้ง 2 รายการอีก 10% จะมีผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อแน่นอน โดยยางรถยนต์จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.0086% และแบตเตอรี่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.0011%
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า แม้ขณะนี้กรมการค้าภายในจะยังไม่อนุมัติให้ผู้ผลิตยางรถยนต์และแบตเตอรี่ปรับขึ้นราคาสินค้าได้ แต่พบว่ามีผู้ค้าบางรายปรับราคาไปแล้วโดยให้ส่วนลดแก่ผู้ซื้อน้อยลง
และในเร็วๆ นี้กรมการค้าภายในมีกำหนดจะเชิญผู้ผลิตสินค้าปุ๋ยเคมี, ยาปราบศัตรูพืช และอาหารสัตว์ มาหารือต่อไป เพื่อให้ทราบถึงต้นทุนที่แท้จริงของผู้ประกอบการและนำมาประกอบการพิจารณาอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--