นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)กำหนดให้ผู้เลี้ยงหมูรายใหญ่ ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต็อกหมู ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไปแจ้งปริมาณ และราคาทุก 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.นี้เป็นต้นไปเพื่อดูแลปริมาณหมูและสต็อกหมูที่มีอยู่ทั้งประเทศนั้น
ในวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณหมูที่บริษัท พิชชา มีท กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นห้องเย็นขนาดกลาง รองรับได้ 50 ตัน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีสต็อกเข้าออกทุกวัน โดยจะมีการรับส่งเนื้อหมูตามออเดอร์ และจะไม่เก็บไว้นาน เพื่อรักษาคุณภาพไม่ให้ลดลง และอาจสูญเสียน้ำหนักลงไปได้ สำหรับหมูแช่แข็ง จะมีการจัดส่งตามออเดอร์ไปยังร้านอาหารต่างๆ เช่น หมูสไลด์ หมูสำหรับทำสเต๊กเป็นประจำทุกวัน สำหรับปริมาณสต็อกหมูชำแหละทั่วประเทศที่ได้รับแจ้ง ตามประกาศ กกร. ณ วันที่ 17 ม.ค.65 มีปริมาณรวม 8,352 ตัน
สำหรับข่าวที่ว่ามีการเก็บสต็อกหมูจำนวนมากของห้องเย็นขนาดกลางและใหญ่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดบูรณาการกับจังหวัดออกตรวจสอบ หากตรวจแล้วพบว่าไม่แจ้งปริมาณ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบเห็นว่ามีการกักตุนจะมีโทษตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปีปรับ 140,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ
"หากประชาชนพบเห็นการกักตุน หรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ" ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าว