(เพิ่มเติม) ครม. ไฟเขียวโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 วงเงินกว่า 500 ลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 1, 2022 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

(เพิ่มเติม) ครม. ไฟเขียวโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 วงเงินกว่า 500 ลบ.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และเห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการดำเนินงาน และความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 20 ล้านคน (ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เดิมและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่) คาดสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 โดยมีกรอบวงเงิน 564.455 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างเหมาบริการระบบลงทะเบียน และการยืนยันตัวตน 164.274 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสำหรับการรับลงทะเบียน ของหน่วยรับลงทะเบียน 400.181 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบฯ ของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว

สำหรับคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน มีดังนี้

  • ผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ต้องไม่เป็นภิกษุ ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐ
  • รายได้ของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ เช่น วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และวงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นต้น
  • ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมกำหนด

นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรสวัสดิการฯ และปัญหาผู้มีบัตรฯ ที่ไม่ควรได้รับสิทธิ ทั้งนี้จะมีการเปิดรับลงทะเบียน ตามโครงการฯ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ จะมีการดำเนินการตรวจสอบ คุณสมบัติและตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อีกด้วย

สำหรับผู้ได้รับสิทธิจากโครงการฯ ปี 2565 จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตร สวัสดิการฯ เนื่องจากบัตรสวัสดิการฯ ที่ได้เริ่มใช้งานตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560 มีอายุการใช้งาน 5 ปี และจะหมดอายุในเดือน ก.ย. 2565 ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตบัตรสวัสดิการฯ ใหม่ ประมาณ 1,258 ล้านบาท อีกทั้งลดปัญหาเรื่องการสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชนหรือการนำบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้ สิทธิแทน และช่วยลดการทุจริต เช่น กรณีร้านค้าเก็บบัตรสวัสดิการฯ ไว้เอง เป็นต้น

"โครงการลงทะเบียนฯ ปี 65 มีหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการดำเนินการบางประการที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มเติมเงื่อนไข เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน และการดำเนินการให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการฯ ในปัจจุบันไม่สามารถสะท้อนข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องมีการลงทะเบียนรอบใหม่ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการแห่งรัฐ อย่างครบวงจร" นายธนกร กล่าว

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ช่วงเวลาการเริ่มลงทะเบียนและการตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ คาดว่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3/65 และภายในไตรมาส 4/65 จะสามารถโอนเงินตามสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐและเริ่มใช้สิทธิได้ โดยรายละเอียดการดำเนินโครงการต่าง ๆ ครม.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเป็นผู้กำหนด ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป

"ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.45 ล้านคน ทั้งหมดจะต้องมาลงทะเบียนใหม่ด้วย โดยในรอบนี้คาดว่าจะมีผู้ผ่านเกณฑ์และได้สิทธิราว 17 ล้านคน จากที่ขอ ครม. ไว้ไม่เกิน 20 ล้านคน และคาดว่าจะใช้งบประมาณสำหรับดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งสิ้น 6-7 หมื่นล้านบาท ส่วนสวัสดิการตามโครงการลงทะเบียนใหม่นั้นจะยังเหมือนเดิม ขณะที่การกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการลงทะเบียนที่เข้มข้นขึ้น ก็เพื่อให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ไปถึงคนที่จนจริง ๆ และสมควรได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ถ้าเกณฑ์ง่ายเกินไป จะกลายเป็นใครก็ได้เหมือนโครงการคนละครึ่ง แต่โครงการนี้เป็นโครงการสวัสดิการสำหรับผู้มีรายได้น้อย ที่ไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้เท่านั้น" นายอาคม กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ