นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)เปิดเผยว่า คณะเจ้าหน้าที่ประเมินโครงการของธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(เจบิค)จะเดินทางมายังประเทศไทยในช่วง 12-20 ธ.ค.เพื่อประเมินความพร้อมของโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ก่อนจะพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้ 4 หมื่นล้านบาทที่จะนำไปลงทุนระบบอาณัติสัญญาณและระบบราง
หากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงผ่านการประเมินจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU)กับการรถไฟแห่งประทศไทย(รฟท.)ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการในการกู้เงินต่อไป คาดว่ากระบวนการเจรจาเงินกู้กับเจบิคใช้เวลา 4 เดือน และหลังจากเดือนเมษายน ปี 51 น่าจะพร้อมเปิดประมูลได้
สำหรับเงื่อนไขการกู้ครั้งนี้จะมีอัตราดอกเบี้ย 1.4%ต่อปี ระยะเวลาชำระหนี้ 25 ปี ซึ่งเงื่อนไขเหมือนกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) โดยโครงการรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต มีมูลค่าโครงการ 6 หมื่นล้านบาท
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า วงเงินลงทุนที่เหลือจะนำมาจากเงินงบประมาณและเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามมติ ครม. โดยภาครัฐจะนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ลงทุนด้านระบบขนส่งมวลชนในช่วง 5 ปีรวมประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปี 51 จะมีเงินเข้ามา 8.3 พันล้านบาทเป็นปีแรก อย่างไรก็ตามรูปแบบขณะนี้ยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนตัวรถไฟประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)อยู่ระหว่างประเมินราคาเงินลงทุนอีกครั้ง
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า จะมีการเสนอครม.ในการจัดตั้งบริษัทลูกของ รฟท.เพื่อมาดูแลการบริหารจัดการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งเบื้องต้นจะให้ไปดูแลโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ตลิ้งค์)ก่อน
สำหรับวงเงินกู้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) จำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท เจบิคต้องการความชัดเจนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส คาดว่าไม่เกิน 1-2 เดือนนี้จะเซ็นสัญญาเงินกู้
ประกอบกับระหว่างนี้รอการเปิดประมูล โดยในวันที่ 14 ธ.ค.จะเชิญตัวแทนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), กระทรวงคมนาคม และ เจบิค มาหารือเกี่ยวกับเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์)
"จริงๆแล้วหลังจาก 5 ธ.ค.ก็น่าจะเปิดประมูลได้แล้ว การก่อสร้างคาดว่าจะเริ่มได้ในปีหน้า แต่วงเงินจากเจบิคงวดนี้จะมีการเซ็นสัญญาเงินกู้ แต่ไม่รู้ว่าจะทันรัฐบาลชุดนี้ไหม แต่การเปิดประมูลคงทันรัฐบาลชุดนี้" นายพงษ์ภาณุ กล่าว
ส่วนมติครม.อนุมัติ กู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของประเทศจีน ประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อลงทุนโครงการระบบขนส่งมวลชน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นโครงการรถไฟฟ้า นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า คงไม่ทันรัฐบาลนี้ เพราะต้องมีการศึกษากฎหมายของจีนในรายละเอียดเกี่ยวกับการกู้เงิน
"ถ้าเราเคลียร์กฎหมายได้เมื่อไร ก็สามารถเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ได้"นายพงษ์ภาณุ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--