นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.92/99 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาด เมื่อเช้าที่ระดับ 33.07 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.95 - 33.03 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทยัง ไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดค่อนข้างนิ่งเช่นเดียวกับภูมิภาคที่เคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบ
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 32.80 - 33.10 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้อง ติดตามคืนนี้ คือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.95 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 114.92 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1450 ดอลลาร์/ยูโร ทรงตัวจากระดับเมื่อเช้านี้
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,674.22 จุด เพิ่มขึ้น 5.17 จุด (+0.31%) มูลค่าการซื้อขาย 72,549 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,329.02 ลบ.(SET+MAI)
- กระทรวงพาณิชย์ เผย อัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. 65 เพิ่มขึ้น 3.23% เป็นผลจากปัจจัยราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น
สำคัญ พร้อมชี้ยังไม่เป็นสัญญาณที่ต้องกังวล เพราะเป็นเงินเฟ้อแบบอ่อนๆ ไม่เป็นเหตุผลที่ทำให้ภาครัฐจะต้องใช้มาตรการเพื่อสกัดเงิน
เฟ้อในขณะนี้แต่อย่างใด ซึ่งอัตราเงินเฟ้อในระดับ 1-3% ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจ
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ประเมินว่า แรงกดดันจากหมวดพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อ
เพลิงยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เงินเฟ้อในปี 2565 ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเงินเฟ้อจะเร่งตัวสูงสุด 4% ในช่วงไตรมาสแรก จากนั้นจะ
ค่อยทยอยปรับลดลง ซึ่งทั้งปี คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 2% โดยประเมินว่าหลังเข้าสู่ไตรมาสที่ 2/65 แรงกดดันด้านราคาพลังงาน
จะคลี่คลายลงบ้าง
- โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ซึ่งประกอบด้วย โครงการ
เพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และ
โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ได้เปิดให้ประชาชนใช้จ่ายวันแรกเมื่อวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา พบว่าจากข้อมูลสะสม ณ
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ณ เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 21.64 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 6,580.47
ล้านบาท
- โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐคาดการณ์ในวันนี้ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ครั้งละ 0.25% ในเดือนก.ย.และธ.ค. หลังเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายยอมรับในระหว่างการประชุมทบทวนนโยบายเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.
พ.) ว่าความเสี่ยงเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น
- ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ออกมาระบุว่า BOJ ต้องคงนโยบายการเงินผ่อนคลายเป็นพิเศษต่อไป เนื่องจาก
เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างชัดเจน โดยปฏิเสธการคาดการณ์ว่า BOJ อาจดำเนินการตามแนวทางเชิงรุกมากยิ่ง
ขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางในยุโรป
- สมาคมทองคำจีน (CGA) รายงานในวันนี้ว่า ปริมาณการใช้ทองคำของจีนดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2564 โดยเพิ่มขึ้น
36.53% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 1,120.9 ตัน และเพิ่มขึ้น 11.78% เมื่อเทียบกับปี 2562 เนื่องจากอุปสงค์เพิ่มขึ้นท่ามกลางการฟื้นตัว
ทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องภายในประเทศ
- นักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยถึงรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ย่อย BA.2 ของไวรัสโอมิครอน
ใน 5 ประเทศในทวีปแอฟริกา ว่า WHO มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่า อาจจะตรวจไม่พบสายพันธุ์ย่อย
BA.2 ในตัวอย่างที่นำมาตรวจหาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน
--อินโฟเควสท์ โดย ปภัสสร องค์พิเชฐเมธา/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--