นักวิเคราะห์กล่าวว่า ธนาคารต่างๆของญี่ปุ่นคงจะไม่สามารถทำกำไรได้มากนักในขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำและปัญหาสินเชื่อยังคงมีอยู่ รวมทั้งความต้องการภายในประเทศที่ผันผวน โดยต้นทุนสินเชื่อที่สูงกว่าคาดการณ์มีแนวโน้มว่าจะเป็นอีกปัจจัยที่สกัดการทำกำไรของธนาคารรายใหญ่เช่นกัน
นีล แคทคอฟ กรรมการผู้จัดการจากบริษัทวิจัยซีเลนท์ กล่าวว่า "เมื่อพิจารณาจากการที่วิกฤตซับไพรม์ยังคงส่งผลกระทบต่อสหรัฐอยู่ในขณะนี้ เราจึงคาดว่าธนาคารของญี่ปุ่นจะประสบภาวะขาดทุนมากกว่านี้ในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า"
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับแนวโน้มในระยะใกล้ของหุ้นธนาคาร เมื่อพิจารณาจากมูลค่าที่อยู่ในระดับต่ำอันเนื่องมาจากวิกฤติการปล่อยกู้แก่ลูกค้าประเภทซับไพรม์
ธนาคารรายใหญ่ทั้ง 4 กลุ่มของญี่ปุ่น ได้แก่ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ (MUFG), มิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์, ซูมิโตโม่ มิตซุย ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ (SMFG) และเรโซน่า โฮลดิ้งส์ อิงค์ ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรในปีงบประมาณการเงินที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2551 ของตนเองลง เนื่องจากต้นทุนสินเชื่อที่สูงกว่าคาดการณ์และการกระจายการปล่อยกู้ที่ทำได้ต่ำกว่าคาดการณ์
มิซูโฮ ไฟแนนเชียล ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น มีกำไรสุทธิลดลง 16.6% ในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน และได้ลดคาดการณ์กำไรสุทธิตลอดทั้งปีลงเหลือ 6.50 แสนล้านเยน จากระดับ 7.50 แสนล้านเยน เนื่องจากการขาดทุนเพราะวิกฤติสินเชื่อ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--